นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ด้วยแนวคิดการดำเนินงานของกรุงศรีโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ในการขับเคลื่อนองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบลจ.กรุงศรี ได้ผสานศักยภาพและทำงานร่วมกันในการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงในการลงทุนของลูกค้า ซึ่งในปีผ่านมากรุงศรีได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการออกผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนและเสนอขายผ่านช่องทางสาขาของธนาคารมาแล้ว สำหรับปี 2561 นี้ เราได้ทำงานร่วมกันในการศึกษาความต้องการของลูกค้า เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป ตอบโจทย์เป้าหมายระยะยาวในการออมเงินสู่ความมั่นคงในอนาคต กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์ หรือ KFGOOD จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุน ด้วยการผสานการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ พร้อมการดูแลจัดสรรพอร์ตให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับภาวะตลาดโดยมืออาชีพผู้มีประสบการณ์ โดยเสนอขายครั้งแรก 25 พ.ค. – 6 มิ.ย. 2561
นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ในปัจจุบันมีคนจำนวนมากที่มีเงินออมต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความรู้ความเข้าใจหรือรูปแบบการออมการลงทุน ทั้งนี้ จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่ากว่า 40% ของคนไทยยังคงออมเงินในรูปของเงินสด หรือมีการลงทุนเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพียงเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินระยะยาวได้
"การลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอและสามารถเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาวนั้น ถือเป็นเรื่องที่มีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนและการจัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างเหมาะสมควบคู่กันไปทั้งในส่วนของหุ้นและตราสารหนี้ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆในระยะเวลา 10 ปี พบว่าการลงทุนในหุ้นสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 12.27% การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 4.80% และการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 2.48%" (ข้อมูล: Morningstar ณ 31 มี.ค. 61)
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง และเป็นตัวช่วยให้ไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้นแต่ผู้ลงทุนอาจมีความกังวลใจในเรื่องความเสี่ยง กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์ (KFGOOD) สามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนกลุ่มนี้ได้ เพราะนโยบายการลงทุนของกองทุน KFGOOD จะกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น REITs กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในระดับไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ทำให้เพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น สัดส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มความมั่นคงของเงินลงทุน
ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุน KFGOOD คือความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตการลงทุน ในส่วนของหุ้นนั้นผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกหุ้นได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดและประเภทหุ้นที่สามารถลงทุนได้ ในภาวะที่ตลาดผันผวนหรือมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส ผู้จัดการกองทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ได้สูงถึง 100% ของ NAV เพื่อลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน กองทุน KFGOOD นี้ มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5: (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
กองทุน KFGOOD มีกระบวนการลงทุนที่แข็งแกร่งจากจุดแข็งของทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นและทีมผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและได้รับหลายรางวัลจากการบริหารกองทุน อาทิ Morningstar Thailand Fund Awards , Money & Banking Awards** (ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / รางวัลดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด) ในส่วนของการคัดสรรหุ้นนั้นจะให้ความสำคัญกับการเยี่ยมชมบริษัท และพบปะผู้บริหารเพื่อวิเคราะห์เจาะลึกปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว และพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีการเติบโตต่อเนื่อง ไม่จำกัดขนาดและสไตล์หุ้น ทำให้มีความคล่องตัวในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะกับภาวะตลาดได้ดี
"บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่ากองทุน KFGOOD จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนหุ้นเต็มร้อย แต่ต้องการจัดการลงทุนให้เหมาะสมเพื่อไปถึงเป้าหมายทางการเงินระยะยาวได้เร็วขึ้น และสร้างความมั่นใจมากขึ้น กับการเตรียมเงินเพื่ออนาคตของตนเองหรือครอบครัว" นางสาวศิริพร กล่าว