นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทออกกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ (SCB FIXED INCOME FUND : SCBFIXED) เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันนี้ - 28 พฤษภาคม 2561 นี้ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกเพียง 5,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตลาดตราสารเงิน ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ภาคเอกชน เงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) เป็นหลัก ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ในส่วนที่เหลือกองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) และ/หรือตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated) และกองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลาย โดยมีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่เหนือกว่าเงินฝากโดยทั่วไป กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับเป็นที่พักเงินระยะสั้นถึงกลาง และนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องในการซื้อขาย โดยสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการซึ่งจะได้รับเงินคืนภายใน T+1
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ขณะนี้ อัตราผลตอบแทนในตราสารหนี้ไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวที่มีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในแถบเอเชีย เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายได้มากกว่า 3 ครั้ง จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตราสารหนี้ไทยส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์มองว่า จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% จนถึงสิ้นปี โดยที่ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวเป็นระดับที่เพียงพอต่อการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตามตราสารหนี้ระยะยาวอาจมีความผันผวนตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกในช่วงนี้ ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นอาจมีการปรับขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่สภาพคล่องที่ยังล้นในตลาดตราสารหนี้จะทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนัก