นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึมลงจากแรงกดดันราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP จากความกังวลกลุ่มโอเปคอาจเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 22 มิ.ย.นี้ และรัสเซียอาจจะถอนตัวออกจากความร่วมมือลดกำลังการผลิตน้ำมันภายหลังเวเนซูเอล่าและอิหร่านจะถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร จึงวิตกว่าประเทศผู้ผลิตรายอื่นอาจจะหันมาผลิตน้ำมันเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้มองว่ากระทบต่อ PTTEP เป็นหลัก
ขณะที่หุ้น PTT ระดับราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมามากแล้ว โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงส่วนหนึ่งมาจาก MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย และตลาดฯกังวลว่า PTT อาจต้องรับภาระในการอุ้มดีเซลและ LPG เพื่อลดภาระให้กับประชาชน แต่ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า กบง.มีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันหนุน ดังนั้นราคาหุ้น PTT แถว 49-50 บาทอยู่ในจุดที่น่าสนใจลงทุนอีกครั้ง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่ากดดันให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
พร้อมให้แนวับ 1,720-1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,745 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,811.76 จุด ลดลง 75.05 จุด (-0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.76 จุด ลดลง 5.53 จุด (-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,424.43 จุด ลดลง 1.53 จุด (-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 56.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 96.14 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.21 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.29 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 10.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 พ.ค.61) 1,732.51 จุด ลดลง 21.09 จุด (-1.20%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,681.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 พ.ค.61) ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 พ.ค.61) ที่ 6.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.02/04 แข็งค่าจากวานนี้ตามภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 32.00-32.10
- กบง.มีมติลดราคาแอลพีจี 32 บาทต่อถัง ใช้เงิน 300 ล้านดูแลได้ 2 เดือน พร้อมสั่งตรึงราคาดีเซล 30 บาท "ศิริ" คาดหากราคาตลาดโลกไม่เกิน 90 ดอลลาร์รับมือได้ 10 เดือนเตรียม 3 หมื่นล้านพร้อมรับมือ กลับลำ ให้ปตท.แจ้งราคาขายปลีกล่วงหน้าได้ ด้านซัพพลายเออร์เข้าพบพาณิชย์ ยันยังไม่ปรับราคาสินค้า แบงก์ชาติแนะให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน
- รัฐบาลเดินหน้ารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน เปิดขายซอง 18 มิ.ย.นี้ ได้ผู้ชนะประมูล ธ.ค.นี้ ร่วมลงทุนรวม 2.2 แสนล้านบาท ตั้งเกณฑ์ผู้ชนะต้องทำให้รัฐร่วมลงทุนน้อยที่สุด ใช้วัสดุก่อสร้างในประเทศไม่ต่ำกว่า 90% เผยมี 5 กลุ่มนักลงทุนใน-ต่างประเทศสนใจลงทุน ด้านซิโน-ไทย ประเมินงบก่อสร้างไว้ 1 แสนล้าน
- คลังปรับเป้าจีดีพีปี 61 ทะยาน 4.5% สูงสุดรอบ 6 ปี หลังเศรษฐกิจโลกฟื้น ผลการจัดเก็บรายได้ทะลุเป้า เผย 7 เดือนเก็บได้สุทธิรวมกว่า 1.29 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เก็บเพิ่ม 283.26% มูลค่า สูงกว่าประมาณการ 5.9 พันล้านบาท ส่วนยอดรายได้นำส่งของรัฐวิสาหกิจมีทั้งสิ้น 1.13 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้า 3 หมื่นล้านบาท
- บอร์ด ทอท.มีมติใช้งบ 1.2 แสนล้านสร้างสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตแห่งที่ 2 คาดนำเสนออาคมในเร็วๆ นี้ จากนั้นเสนอ ครม.ต่อ พร้อมอนุมัติตั้งบริษัทลูกตรวจสอบสินค้าเน่าเสียเพื่อการส่งออก
*หุ้นเด่นวันนี้
- JKN-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 107,997,631 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 15 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (11 พฤษภาคม 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 14 ธ.ค.2561 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 8 พ.ค. 2563
- GGC (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 18.2 บาท เก็งกำไรข่าวภาครัฐออกมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศและเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลด้วยการเพิ่มสัดส่วนจาก B7 เป็น B20 คาดเป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่ผลิต B100 โดยเฉพาะ GGC ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากไบโอดีเซลสูงถึง 60% ของรายได้รวม
- EA (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 47 บาท แนวโน้มกำไร Q2-3/61 จะทรงตัวต่อเนื่องก่อนไปพุ่งขึ้นอีกครั้งใน Q4/61 จากการ COD โรงไฟฟ้าลมเพิ่มอีก 260MW คาดกำไรทั้งปีที่ 4,805 ลบ. +28% Y-Y และปีหน้า +29% Y-Y และจากการวิเคราะห์ Volume by Price ซึ่งเป็นหนึ่งใน Indicator ของ Finansia Hero ที่ได้รับความนิยม โดยคาดว่า Downside เริ่มจำกัด และ Upside จะกลับมาเปิดกว้าง เพราะราคาหุ้นสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญแถว 37 บาท ซึ่งมีวอลุ่มกระจุกตัวมากถึง 1 พันล้านหุ้นขึ้นมาได้แล้ว
- BANPU (ไอร่า) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 28 บาท แนวโน้มราคาถ่านหินยังสูง ล่าสุดราคา Newcastle อยู่ที่ 106 เหรียญสหรัฐฯต่อตันสูงสุดในรอบ 5 ปี จากปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินในภูมิภาคเติบโตดี ขณะที่ Supply เติบโตอย่างจำกัด พร้อมคาดกำไรการดำเนินงานปกติในปี 61 อยู่ที่ 7,040 ล้านบาท รวมผลกระทบจากค่าชดเชยกรณีโรงไฟฟ้าหงสา 2,714 ล้านบาทแล้ว โดยผลงานปกติเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มราคาถ่านหินสูงขึ้นดีต่อเหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยเฉพาะออสเตรเลียคาดฟื้นตัวโดดเด่นเหตุเป็นเหมืองใต้ดินมีต้นทุนผลิตค่อนข้างคงที่ ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น