นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เติบโต 15% แตะ 5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 4.52 พันล้านบาท โดยจะมาจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 4.7 พันล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า จำนวน 300 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.61) มียอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการแล้ว จำนวน 1.8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 3.1 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยยอด Backlog ดังกล่าว บริษัทฯ ประเมินว่าน่าจะมียอดดปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ประมาณ 30-35% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะลดสัดส่วนของยอดปฏิเสธสินเชื่อให้เหลือประมาณ 20-25% จาก ไตรมาส 1/61 มียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 35%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) รวมปีนี้ไว้ที่ 6.8 พันล้านบาท จากในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดขายแล้วประมาณ 3.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการขาย ขณะที่การเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้ คาดว่าจะเปิดขายได้ในครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวนรวมทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.55 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 1.96 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ เจ วิลล่า รัตนาธิเบศร์ บางบัวทอง (บ้านแฝด), เจทาวน์ เอ็กซ์คลูซีพ บางปะกง บ้านโพธิ์ (ทาวน์โฮม), เจซิตี้ บางพระ ฉะเชิงเทรา (ทาวน์โฮม) และเจ บิช วงแหวนบางใหญ่ (อาคารพาณิย์) รวมถึงจะเปิดโครงการเฟสใม่ ในโครงการเดิม อีกจำนวน 4 เฟส มูลค่ารวม 586 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์ บางบัวทอง (อาคารพาณิชย์), เจ เอเวนิว รัตนาธิเบศร์ บางบัวทอง (ทาวน์โฮม), เจ ซิตี้ ศรีราชา-อัญสัมชัญ (อาคารพาณิชย์) และ เจ ซิตี้ ติวานนท์ บางกะดี (บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว)
"เรามีการปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น ทำให้มีผลต่อนโยบายการดำเนินงาน และการเปิดโครงการที่ล่าช้า แต่เราจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ในครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ซึ่งยังถือว่าอยู่ในช่วงของการขาย รวมถึงเรามีการปรับดีไซต์ของโครงการเล็กน้อยจากเดิมเป็นสไตล์อังกฤษ มาเป็นสไตล์ออสเตรีย ที่เจาะกลุ่มลูกค้าอายุ 35-45 ปี ก็มองว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัย" นายไพโรจน์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของการขายที่ดินในทำเลบางเสร่ จ.ชลบุรี จำนวน 11 ไร่ มูลค่าประมาณ 330 ล้านบาท นายไพโรจน์ คาดว่าในไตรมาส 3/61 จะสามารถบันทึส่วนแบ่งกำไรจากการขายที่ดินจากบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด (JPM) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ระหว่าง JSP กับบริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ซึ่ง JSP ถือหุ้นในสัดส่วน 55% และบริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ถือหุ้นในสัดส่วน 45%
โดยเงินที่ได้จากการขายที่ดินดังกล่าวจะนำไปใช้ในการรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต และลดภาระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทฯ มีที่ดินเปล่าเพื่อรอการขาย จำนวน 16-17 แปลง ส่วนที่ดินในทำเลบางเสร่ยังเหลืออีก 150 ไร่