พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงว่า บอร์ดกสทช เห็นชอบให้ทรูวิชั่นถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ครบทั้ง 64 คู่ ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2561 ของบริษัท ทรูวิชั่น กรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้รับสิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านช่องทางที่ให้บริการเป็นการทั่วไป จำนวน 3 ช่อง คือ หมายเลข 1 สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ,ช่อง 34 อมรินทร์ทีวี เอชดี ,และช่องหมายเลข 24 ทรูโฟยู เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศรับชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทรูวิชั่น ถ่ายทอดและเผยแพร่รายการซ้ำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ครบทั้ง 64 คู่ ผ่านโครงข่ายและช่องรายการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่บริษัทได้รับอนุญาตจากกสทช.ทั้งใน ทรูสปอร์ตเอชดี 3 ในระบบเอชดี และช่องรายการทรูโฟเค ระบบ 4เค สำหรับการแข่งขันอีก 8 คู่ ให้สามารถถ่ายทอดสดผ่านช่องรายการทรูสปอร์ตเอชดี 2 ในระบบ เอชดี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนรับชม ส่วนกรณีที่ทรูขอถ่ายทอดสดการแข่งขันในระบบความคมชัดสูง ผ่านช่อง 24 สามารถทำได้เฉพาะการถ่ายทอดสดการแข่งขันรอบสุดท้ายเท่านั้น
บอร์ดกสทช. เห็นชอบหลักการยกเว้นประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะบริการโทรทัศน์ทั่วไป พ.ศ. 2555 (Must Have) โดยให้ช่องทรูโฟยู ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในระบบความคมชัดสูง โดยมีหลักการ 2 ข้อ คือ การถ่ายทอดสดรายการโทรทัศน์สำคัญที่ได้ออกอากาศผ่านโทรทัศน์เป็นการทั่วไป และหากเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนสามารถดำเนินการได้ และกรณีการถ่ายทอดสดรายกรโทรทัศน์สำคัญภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป ในระบบความชมชดที่แตกต่างจากมาตรฐานความคมชัดที่ได้รับอนุญาต เพื่อเพิ่มคุณภาพในการรับชมรายการให้กับประชาน โดยต้องไม่กระทบกับมาตรฐานการให้บริการของผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์
"บอร์ดยังได้เห็นชอบแนวทางปฎิบัติตามประกาศกสทช.เรื่อหลัเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปของผู้ได้รับใบอนุญาต เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ Must Carry โดยให้ผู้รับอนุญาตโครงข่ายโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่มีหน้าที่ต้องให้สมาชิกที่รับบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปโดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ฟังรายการ หรือเนื้อหารายการ โดยเป็นไปตามประกาศกสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป และสอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองที่เคยมีมาก่อนหน้า"นายฐากร กล่าว