นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า การบินไทยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดบริการใหม่บนเครื่องบิน "LIVE TV on Board"ให้บริการชมรายการโทรทัศน์สดผ่านจอทีวีบนเครื่องบิน โดยมีรายการทีวี 4 ช่องได้แก่ CNN. BBC NHK และ Sport 24 ซึ่งจะเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ คาดว่าการให้บริการดังกล่าวจะทำให้การบินไทยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารราว 5-10% จากจำนวนผู้โดยสารทั่วโลกกว่า 20 ล้านคน
นางอุษณีย์ กล่าว่า ในโลกยุคดิจิทัลทำให้ปัจจุบันเทคโนโลยีและช่องทางการรับรู้ข่าวสารที่ฉับไวมีความจำเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ขณะเดินทางบนเครื่องบิน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และรองรับความต้องการของผู้โดยสารในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างฉับไว และไม่พลาดข่าวสารแม้ขณะเดินทางบนเครื่องบิน การบินไทยจึงเพิ่มบริการใหม่"LIVE TV on Board" ให้บริการชมรายการโทรทัศน์สดบนเครื่องบิน โดยมีรายการโทรทัศน์ทั้งหมด 4 ช่อง ได้แก่ CNN BBC NHK และ Sport 24 ซึ่งผู้โดยสารสามารถรับชมรายการและข่าวสารต่างๆ อย่างทันเหตุการณ์ในเวลาเดียวกับผู้ชมทั่วโลก และไม่พลาดชมรายการการแข่งขันกีฬาระดับโลกทุกแมทช์ เช่น ฟุตบอล เทนนิส กอล์ฟ เสมือนนั่งชมที่บ้าน
ทั้งนี้ การบินไทย จะให้บริการในเครื่องบินที่ติดตั้งชุดอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ LIVE TV ในห้องโดยสาร ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัส A350-900 จำนวน 12 ลำ ซึ่งทำการบินในเส้นทาง อาทิ เชียงใหม่ สิงคโปร์ โซล โตเกียว โอซากา ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โรม มิลาน และบรัสเซลส์ และเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 และโบอิ้ง 787-9 รวมจำนวน 8 ลำ ทำการบินในเส้นทาง อาทิ โตเกียว ไทเป ดูไบ เวียนนา บริสเบน โอ๊คแลนด์ และมะนิลา สำหรับการจัดการเชื่อมต่อรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ได้มอบความไว้วางใจให้ บริษัท Panasonic Avionics เป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการเชื่อมต่อสัญญาณในเครื่องบินผ่านดาวเทียมกับโครงข่ายภาคพื้น
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ THAI เปิดเผยว่า การให้บริการ "LIVE TV On Board" บนเครื่องบินของการบินไทย ผู้โดยสารจะสามารถรับชมการถ่ายทอดสดทั้งรายการข่าว และการแข่งขันกีฬาชั้นนำ ขณะที่บินอยู่บนอากาศ โดยการบินไทยให้บริการ "ฟรี" ในขณะที่หลายสายการบินคิดค่าบริการ
นอกจากนี้ การให้บริการดังกล่าว จะช่วยเสริมสร้างจุดแข็งทางการตลาดให้การบินไทย ไม่ว่านักธุรกิจหรือแฟนกีฬาก็จะไม่พลาดแมทซ์สำคัญ ของกีฬาระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี อันเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอีกทางหนึ่ง ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางกับการบินไทย นอกจากจะ "สบายต่างกัน" แล้วยัง "ทันโลกต่างกัน" อีกด้วย
นางอุษณีย์ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ ขณะนี้ได้นำส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ผ่านการพิจารณาโครงการจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ คาดว่าขั้นตอนจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3/61 และจะเริ่มดำเนินการจัดหาเครื่องบินตามแผน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ จำนวน 23 ลำ ทั้งแบบลำตัวกว้างและแคบ วงเงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นทั้งเช่าและเช่าซื้อ ซึ่งจะเข้ามาทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่าที่จะปลดระวาง 23 ลำเช่นกัน ไก้แก่ โบอิ้ง จัมโบ้ 747, โบอิ้ง 777-200ER เป็นต้น ทั้งนี้ การบินไทยจะยังคงจำนวนฝูงบินที่ 104 ลำ โดยจะนำไปเพิ่มความถี่เส้นทางบินที่มีความต้องการสูง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เวียนนา เพิ่มจาก 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ กรุงเทพ-บรัสเซลส์ จาก 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยจะเรื่มตารางบินฤดูหนาว
ส่วนความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่อู่ตะเภา นางอุษณีย์ กล่าวว่า ในปลายเดือนมิ.ย.นี้ การบินไทยและแอร์บัสจะลงนามสัญญา JV Principle เพื่อเดินหน้าโครงการเข้าไปศึกษาโครงการร่วมกับหน่วยงานอื่น อาทิ กองทัพเรือ กรมธนารักษ์
ด้านนายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 2/61 คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ 75-76% ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่บริษัทได้ทำการตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งปีคาดว่าจะสามารถมีผลประกอบการเป็นไปตามแผน จากผลประกอบการในไตรมาส 1/61 ออกมาดี
นอกจากนี้ การบินไทยกำลังศึกษาจุดบินใหม่ 4-5 จุดบินใหม่ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ มาดริด (ที่เคยบิน) เป็นต้น ซึ่งก็ต้องพิจารณาว่ามีเครื่องบินเพียงพอทำการบินหรือไม่