บลจ.กสิกรไทย คงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นยุโรป แม้ปัญหาการเมืองอิตาลีกดดันบรรยากาศลงทุนช่วงสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 31, 2018 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นยุโรปในระยะยาว เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคยังมีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดี แม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในอิตาลี แต่น่าจะส่งผลกระทบต่อมุมมองของเศรษฐกิจภายในประเทศของอิตาลีเองเท่านั้น ส่วนผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในยูโรโซนในภาพรวมจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้น รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจในยุโรปยังคงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

สถานการณ์การเมืองในอิตาลีภายหลังประธานาธิบดีอิตาลี เข้าแทรกแซงโดยแต่งตั้งนายเปาโล ซาโวนา ซึ่งมีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ขึ้นเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ สร้างความไม่พอใจให้ผู้นำกลุ่มพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด และขอถอนตัวออกจากการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลทำให้มีแนวโน้มที่อิตาลีจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. และทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้น

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้ดัชนีหุ้นอิตาลี (FTSE MIB) ปิดตลาดลดลง 2.7% ส่วนตลาดหลัก ๆ ในยุโรปอื่น ๆ ปรับตัวลงมากกว่า 1% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 1.6% ส่วนดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 1.2% (ข้อมูล ณ 29 พ.ค. 61) ส่วนตลาดตราสารหนี้เกิดเทขายพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีทำให้ดอกเบี้ยของพันธบัตรที่มีอายุ 2 ปี ปรับเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นที่สูงสุดภายใน 1 วันทำการในรอบ 26ปี และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนในการกู้ยืมเงินของรัฐบาลอิตาลีเนื่องจากปัจจุบันระดับหนี้ของอิตาลีอยู่ที่ 130% ต่อ GDP

"สำหรับมุมมองของบลจ.กสิกรไทย มองว่าสถานการณ์การเมืองภายในอิตาลี อาจจะยืดเยื้อออกไป และถึงแม้ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งใหม่ได้แต่การจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพยังคงมีความไม่แน่นอน รวมถึงความไม่ชัดเจนของนโยบายภาครัฐที่จะออกมา อย่างไรก็ตามน่าจะส่งผลกระทบต่อมุมมองของเศรษฐกิจภายในประเทศของอิตาลีเองเท่านั้น ส่วนผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในยูโรโซนในภาพรวมจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้น ขณะที่ความเสี่ยงต่อการแยกตัวของสหภาพยุโรปนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจในยุโรปยังคงเหมือนเดิม และการดำเนินนโยบายทางการเงินของ ECB ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดิม"นายนาวิน กล่าว

นายนาวิน กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีการลงทุนในกองทุนต่างประเทศโดยเฉพาะหุ้นยุโรป นักลงทุนที่รับความผันผวนไม่ได้แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อดูความชัดเจนของสถานการณ์ ส่วนนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนยุโรปที่ไม่มีสัดส่วนการลงทุนในอิตาลีอย่างมีนัยสำคัญได้ ทั้งนี้กองทุน K-EUROPE ของบลจ.กสิกรไทยซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้นยุโรปผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนแยกตามรายประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ อังกฤษ 23.2% เยอรมัน 18.1% สวีเดน 10.8% เดนมาร์ก 10.8% และฝรั่งเศส 10% ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในอิตาลีมีเพียงเล็กน้อย (ข้อมูล ณ 30 เม.ย 61)

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตลาดล่าสุด (30 พ.ค. 61) ดัชนีหุ้นอิตาลี (FTSE MIB) ปิดตลาดบวก 2.09% ส่วนตลาดหลัก ๆ ในยุโรปอื่นๆ รวมถึงดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวบวกเช่นเดียวกัน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังจับมือกับพรรคพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นยุโรปในระยะยาว เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคยังมีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดีจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง ประกอบกับระดับราคาหุ้นที่เหมาะสมและยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ทำให้หุ้นยุโรปมีความน่าสนใจมากกว่าในเชิงเปรียบเทียบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ