โรงงานดังกล่าวจะสามารถผลิตพาราไซลีน (PX) จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติก แผ่นฟิล์ม และเส้นใยไฟเบอร์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเบนซีนของ IRPC จาก 114,000 ตัน/ปี เป็น 495,000 ตัน/ปี โดยเบนซีนเป็นสารเติมแต่งในน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นส่วนประกอบของพลาสติก น้ำมันหล่อลื่น ยาง สีย้อมและผงซักฟอก
จอห์น กูเกล รองประธานกรรมการ และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเทคโนโลยีกระบวนการและเครื่องมือของฮันนีเวลล์ ยูโอพี กล่าวว่า โรงงานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ IRPC สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตขั้นกลางให้เป็นผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น อาทิ พาราไซลีนและเบนซีนได้อย่างยอดเยี่ยม การดำเนินการครั้งนี้คือความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการอะโรเมติกส์ที่ใช้เทคโนโลยียูโอพีที่ล้ำหน้า ซึ่งใช้เงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานที่ต่ำลง
โครงการนี้จะครอบคลุม ซีซีอาร์ แพลทฟอร์มิ่ง (CCR Platforming) ของฮันนีเวลล์ ยูโอพี ซึ่งเปลี่ยนแนฟทาให้เป็นน้ำมันเบนซินออกเทนสูงและอะโรเมติกส์ และกระบวนการแอลดี พาเร็กซ์ (LD Parex) ซึ่งสกัดแยกพาราไซลีนที่มีความบริสุทธิ์สูงออกจากมิกซ์ไซลีนและใช้สารละลายเจือจางรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในโครงการดังกล่าวยังจะใช้เทคโนโลยีซัลโฟเลน (Sulfolane) ของฮันนีเวลล์ ยูโอพี ในการสกัดอะโรเมติกส์จากวัตถุดิบ รวมถึงเทคโนโลยีไอโซมาร์ (Isomar) ช่วยเปลี่ยนโมเลกุลไซลีนให้เป็นพาราไซลีนที่มีมูลค่าสูงขึ้น และเทคโนโลยี ทาโทเรย์ (Tatoray) ซึ่งเปลี่ยนโทลูอีนและอะโรเมติกส์ ซี9 (C9) เป็นมิกซ์ไซลีนและเบนซีนความบริสุทธิ์สูง ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับพาราไซลีนที่ได้จากแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้น
ฮันนีเวลล์ ยูโอพี คือบริษัทชั้นนำของโลกที่ถือครองสิทธิ์เทคโนโลยีกระบวนการผลิตอะโรเมติกส์ เมื่อปีที่แล้ว ยูโอพีอนุญาตให้สิทธิ์การดำเนินการให้แก่โรงงานผลิตมากกว่า 100 โครงการและหน่วยกระบวนการผลิตอะโรเมติกส์มากกว่า 700 หน่วย ทั้งกระบวนการซีซีอาร์ แพลทฟอร์มิ่งมากกว่า 300 หน่วย กระบวนการซัลโฟเลน 159 หน่วย กระบวนการไอโซมาร์ 81 หน่วย กระบวนการทาโทเรย์ 59 หน่วย และกระบวนการพาเร็กซ์ 101 หน่วยทั่วโลก