นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีโอแอล (COL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 ยอดขายจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/61 จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปในทุก ๆ ไตรมาส จากไตรมาสแรกมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2.89 พันล้านบาท และมีอัตราเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 7.1% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้จากธุรกิจออฟฟิศเมทจะเติบโตมาที่กว่า 8 พันล้านบาท เป็นไปตามยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเตรียมปรับเป้าหมายของยอดขายเพราะขณะนี้ยอดขายสาขาเดิมเติบโตกว่า 10% จากเดิมที่คาดทำได้ 6% ประกอบกับการขยายสาขาออฟฟิศเมท ที่คาดจะขยายเพิ่มอีก 7-8 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ที่ 69 สาขา โดยในช่วงที่ผ่านมาสามารถเปิดสาขาไปแล้วทั้งสิ้น 2 สาขา รวมถึงการขายผ่านออนไลน์ก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 50%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการขายแฟรนไชส์ออฟฟิศเมท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในรายละเอียดได้ในช่วงไตรมาส 3/61 ซึ่งปัจจุบันแฟรนไชส์ดังกล่าวมีผู้ที่สนใจแล้วจำนวน 140 ราย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ามี 1 สาขา 1 อำเภอ เป็นอย่างน้อย จากปัจจุบันประเทศไทยมีมากกว่า 800 อำเภอ และยังมองเป้าหมายธุรกิจแฟรนไชส์ นอกจากการขายสินค้าในลักษณะ B2B ให้กับซัพพลายเออร์แล้ว จะเป็นจุดรับส่งสินค้า จากการร่วมมือกับ Kerry และการนำเอาร้านกาแฟเข้ามาเพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนเป็นคอมมูนิตี้ขนาดเล็ก
ขณะเดียวกันการขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ปีที่ผ่านมามียอดขายแล้วจำนวน 150 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันรายได้ทะลุ 200 ล้านบาทแล้ว โดยคาดว่าสิ้นปี 61 จะมียอดขายในส่วนนี้ราว 300 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองการขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร (HORECA) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนก.ค.นี้ และการขายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้า MEDICAL คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนส.ค.61 โดยเชื่อมั่นว่าจะธุรกิจดังกล่าวจะสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของบริษัท
"ปีนี้จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์ออฟฟิศเมทจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ทั้งในธุรกิจเดิม ที่เป็นออฟฟิศซัพพลาย และกลุ่มสินค้าใหม่ทั้ง 3 กลุ่มที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงในช่วงปลายปีที่เราจะเปิดตัว B2B Market Place ซึ่งจะทำให้กลุ่มสินค้าของออฟฟิศเมทเข้าไปสู่ความหลากหลายมากขึ้น โดยเราอยากเป็น Vendor ในทุกสิ่ง ที่ภาคธุรกิจหรือองค์กรต้องซื้อต้องใช้ จากปีนี้ที่เรามี 3 กลุ่มสินค้าที่จะขยายเข้าไป และหากประสบความสำเร็จเรายังมีกลุ่มสินค้าอื่น ๆ อีกมากที่จะขยายเข้าไป ผ่านระบบรีเทล ออนไลน์ และแฟรนไชส์" นายวรวุฒิ กล่าว
ส่วนการเติบโตในต่างประเทศ บริษัทฯ จะเข้าไปร่วมมือกับทาง Big C ในประเทศเวียดนามมากขึ้น โดยยังคงนำแบรนด์ B2S เข้าไปขยายอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกสาขาของ Big C ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างเจราจากับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน 2-3 ดีล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทฯ ถือว่ามีความพร้อมในด้านแหล่งเงินลงทุน จากปัจจุบันที่มีเงินสดในมืออยู่ที่ 1 พันล้านบาท
สำหรับธุรกิจ B2S ในปีนี้คาดจะเติบโต 10% โดย B2S ได้มีการปรับรูปแบบของสาขาใหม่ ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดสาขาที่ปิ่นเกล้า มองว่าในปีนี้และปีหน้า B2S จะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก อีกทั้งจะมีการเชื่อมระหว่างสาขาออฟฟิศเมทและสาขาของ B2S ไว้ที่เดียวกัน คาดว่าจะเริ่มเห็นได้ในเดือนมิ.ย.นี้ เป็นต้นไป