นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up โดยได้ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศที่ต่างปรับตัวขึ้นกันหมด หลังจากที่ตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งยังคลายความกังวลเกี่ยวกับอิตาลีหลังจากที่สามารถตั้งรัฐบาลผสมได้ ส่วนสเปนก็ได้รัฐมนตรีขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่
สำหรับบ้านเราเริ่มมีสัญญาณการชะลอของเงินทุนไหลออก จากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิเล็กน้อย และคาดหวังว่าจะกลับมาซื้อคืนบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก พร้อมให้แนวรับ 1,710-1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730-1,735 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,635.21 จุด เพิ่มขึ้น 219.37 จุด (+0.90%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,734.62 จุด เพิ่มขึ้น 29.35 จุด (+1.08%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,554.33 จุด เพิ่มขึ้น 112.21 จุด (+1.51%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 193.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 343.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 53.07 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.23 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.88 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มิ.ย.61) 1,719.82 จุด ลดลง 7.15 จุด (-0.41%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 132.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มิ.ย.61) ปิดที่ 65.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มิ.ย.61) ที่ 6.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.99 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.95-32.05 หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนดอลล์แข็ง
- ขณะนี้เอกชนให้ความสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐจำนวนมาก อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 2.15 แสนล้านบาท มีบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS จะร่วมกับกลุ่มซิโน-ไทยฯ และราชบุรี โฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อกลุ่ม BSR เข้าประมูล เช่นเดียวกับ บมจ.ปตท. และกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่จะเข้าประมูลเช่นกัน
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทำแผนขยายรถไฟฟ้าเพิ่มเติมส่วนต่อขยายอีก 7 เส้นทาง ระยะทาง 85.9 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกรุงเทพฯ ชั้นในและปริมณฑล ก่อนจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้
- ผู้ประกอบการทีวีดิจัลมีแผนที่จะรวมตัวกันไปขอความชัดเจนจากภาครัฐ หลังจากที่คสช.ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลใน 2 เรื่อง คือ พักชำระหนี้ 3 ปี โดยจ่ายตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และให้สำนักงานกสทช. ช่วยจ่ายค่าเช่าสัญญาณโครงข่ายครึ่งหนึ่งนั้น แต่มาตรการดังกล่าวยังมีแนวทางปฏิบัติที่ไม่ชัดเจน โดยจะขอความชัดเจนเพิ่มเติมใน 3 เรื่อง ได้แก่ ค่าโครงข่ายที่ลดลงจะมีการเจรจาอย่างไรให้มีราคากลาง ,การที่กสทช.จะช่วยจ่าย 50% จะเริ่มเมื่อไหร่ และความช่วยเหลือที่ประกาศออกมาต้องมีความชัดเจน
- การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มิ.ย. 2561 กระทรวงพาณิชย์จะเสนอมาตรการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบออกตลาดต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มล้นระบบ ที่ปีนี้คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันปาล์มดิบจะมีมากถึง 8.5 แสนตัน หรือมีปริมาณส่วนเกิน 6 แสนตัน จากระดับปกติ 2-3 แสนตัน ดังนั้น จึงต้องหามาตรการช่วยเหลือเพื่อผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มออกไปต่างประเทศ
- กรมสรรพสามิต เผยจากการหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานเพื่อขอจัดเก็บภาษีก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ (ซีโอทู) กับน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเบนซิน ดีเซล แอลพีจี เอ็นจีวี และแก๊สโซฮอล์ที่จำหน่ายตามสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศต้องชะลอออกไปก่อน เพราะไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในตอนนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- CWT-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 68,763,745 หน่วย อายุ 8 เดือน ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 3 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 24 ม.ค.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 24 ม.ค.62
- EPG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 9 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากบริษัทสามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ส่งผลให้ GPM ยังเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดกำไรสุทธิกลับมาเติบโตเป็น 1,271 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% yoy เติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
- PCSGH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 โตโดดเด่น Y-Y ตามอุตสาหกรรมที่เร่งตัว ยอดสั่งซื้อจากกลุ่ม Non-Auto ที่เพิ่มขึ้น และเริ่มรับรู้กำไรจากโรงงานในยุโรป และคาดได้รับคำสั่งผลิตชิ้นส่วน EV เพิ่มเติมในเร็ววันนี้ เพราะชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้านราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มยานยนต์ โดย -5% YTD สวนทาง SAT +2% และ AH +11%
- TPIPP (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ทยอยซื้อ"เป้า 8.50 บาท ผู้บริหารยังให้ความเชื่อมั่นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะใหม่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย (หนองแขม, อ่อนนุช) ในขณะที่คาดกำไร Q2 ทำระดับสูงสุด โดยคาดผลประกอบการ Q2/61 จะมีกำไรทะลุ 1 พันล้านบาท โรงไฟฟ้าสำคัญ คือ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 70MW (TG6) รวมกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW (TG4) ได้จำหน่ายไฟฟ้าให้ กฟผ. 90MW และ ได้ adder 3.50 บาท เพิ่มเติมจากค่าไฟฟ้าพื้นฐาน 7 ปี ได้เริ่มต้น COD เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเดินเครื่องดีขึ้นเป็นลำดับ คือ เดือน เม.ย. มีการใช้กำลังการผลิต 87% เดือน พ.ค. 90-95% ซึ่งโรงไฟฟ้า TG4+TG6 คาดจะช่วยเพิ่มกำไรประมาณ 2-2.5 พันล้านบาทต่อปี ทำให้กำไรตั้งแต่ไตรมาสสองจะเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่าพันล้านบาท ด้านปันผลสูงกว่า 6%