SAWAD คาดงบ Q2/61 โตเด่นหลังปรับโครงสร้างทางการเงิน-รับรู้ส่วนแบ่งกำไร BFIT ตามสัดส่วนถือหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 5, 2018 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 น่าจะเติบโตได้ทั้งไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีการมุ่งเน้นการเติบโตมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นการเข้ามาขอสินเชื่อมากขึ้นจากปีก่อนที่มีการปล่อยสินเชื่อนค่อนข้างน้อย รวมถึงจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบง.กรุงเทพธนาธร (BFIT) เข้ามา ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 36.35%

ขณะที่มองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 2/61 จะปรับตัวดีขึ้น หรือกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 3-4% จากไตรมาส 1/61 NPL ปรับตัวสูงถึง 7% เนื่องจากมีการปิดบัญชีลูกหนี้ SME ไปแล้ว ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 700 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังคงเหลือลูกหนี้ที่มีมูลค่าสูงเพียง 1 ราย คาดว่า ณ สิ้นปี 61 จะสามารถลดหนี้ลงเหลือ 350 ล้านบาท จากมูลค่าเดิมอยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยหลังจากนี้บริษํทฯ จะมีการใช้กลยุทธ์ Single Lending Limit หรือปล่อยสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 300-350 ล้านบาท หรือไม่เกิน 10% ของเงินกองทุนบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจประกันวินาศภัยเข้ามาเป็นปีแรก โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3-5% ของรายได้รวม ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดกับธุรกิจเดิม เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส และปัจจุบันก็อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการเป็น Banking Agent คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตได้ภายในปีนี้ ส่งผลทำให้บริษัทฯ จะมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น

บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 61 จะเติบโต 20-30% จากปัจจุบันที่มีพอร์ตลูกหนี้คงค้างอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก (ไม่ได้นับรวมการซื้อหนี้ที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการดำเนินงานประมาณ 12-18 เดือน ในการเจรจาและรับรู้รายได้) และเติบโตไปตามการขยายสาขา ที่คาดในปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 200-300 สาขา โดยในช่วงที่ผ่านมามีการขยายไปแล้วจำนวน 100 สาขา

น.ส.ธิดา กล่าวว่า บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 2-3 พันล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหนี้ที่หลักประกัน ประเภทลูกหนี้ SME จากสถาบันทางการเงิน ประกอบกับเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 2 พันล้านบาท อายุ 2-4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3-5% และมีเรทติ้ง BBB ในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ โดยจะขายให้กับนักลงทุนสถาบันและไฮเน็ทเวิร์ค ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินไปใช้ในการขยายกิจการและซื้อหนี้ที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ