นางจินตณา กิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 1/61 เนื่องจากราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 560 ดอลลาร์/ตัน จากระดับ 472.5 ดอลลาร์/ตันในไตรมาส 1/61 ส่งผลให้มีกำไรจากสต๊อก ประกอบกับยอดขายเติบโตขึ้นด้วย โดยจะได้รับปัจจัยหลักมาจากยอดขายในประเทศจีนที่เติบโต จากไตรมาส 1/61 ที่ประเทศจีนยอดขายไม่มากนักเนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณขายในปี 62 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากเป้า 3.5 ล้านตันในปีนี้ โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการโรงบรรจุก๊าซ LPG ในเมียนมา ได้ในช่วงปลายปี 61 ถึงต้นปี 62 ซึ่งคาดจะมียอดขายราว 10,000 ตัน/เดือน และประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะมียอดขาย 5,000 ตัน/เดือน
นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 2 พันล้านบาท โดยบริษัทจะใช้ในการลงทุนโครงการโรงบรรจุก๊าซในกัวลาลัมเปอร์ โรงบรรจุก๊าซในปีนัง และโรงบรรจุก๊าซในประเทศเมียนมา มูลค่าการลงทุนราว 300 ล้านบาท/แห่ง นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศบังกลาเทศ ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายในปี 61 โดยจะใช้งลงทุนราว 300 ล้านบาท/แห่ง ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้ไปในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และซื้อเครื่องจักรอื่นๆ
สำหรับปริมาณขาย LPG ในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าที่ 3.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.2 ล้านตันในปีก่อน โดยปริมาณขายเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นการเติบโตในทุกๆประเทศที่บริษัทขายเข้าไปไม่ว่าจะเป็นประเทศสิงคโปร์ ประเทศจีน ประเทศเวียดนาม และมาเลเซีย ขณะที่ประเทศไทยภาพรวมยังคงทรงตัวอยู่
ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้น ปัจจุบันบริษัทเข้าไปศึกษาลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเมียนมา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่าง ๆ ได้ ขณะที่ล่าสุดเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมาได้เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับสหกรณ์หมู่บ้าน กำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/62 นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 230 เมกะวัตต์ ที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 60 ที่ผ่านมา จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้เต็มปี ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10%