โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) จากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/61 น่าจะเติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากครึ่งหลังของปีที่แล้ว และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 25.1% ใน SGAH ด้วย
ขณะที่ทั้งปี 61 ก็คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตดีกว่าปีก่อน เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโต 5% หรือมียอดการผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้ที่ 2.1 ล้านคัน โดย AH ได้รับคำสั่งซื้อจากค่ายรถกระบะยักษ์ใหญ่ต่อเนื่องจากโมเดลปัจจุบัน โดยสัดส่วนรายได้ของรถกระบะรายนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายชิ้นส่วนรวม ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้อีก 8-10 ปีข้างหน้า
ช่วงบ่ายราคาหุ้น AH อยู่ที่ 38 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.69%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 47.00 บัวหลวง ซื้อ 45.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 43.00 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 40.25 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 44.00 นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ในระยะสั้นนี้ AH จะเติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมยานยนต์อื่น โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 2/60 ยังไม่มีการรับรู้ดอกเบี้ยรับจากบริษัท Sakthi Global Auto Holdings Limited (SGAH) ซึ่งทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้น 25.1% เมื่อปีที่แล้ว และยังให้กู้ในลักษณะเงินกู้แปลงสภาพอีก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นดอกเบี้ย 20% ต่อปี โดยการรับรู้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH ดังกล่าว AH เพิ่งเริ่มมีการรับรู้ดอกเบี้ยรับเข้ามาตั้งแต่ครึ่งหลังของปีก่อน ซึ่งมองว่าตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 61 เป็นต้นไป จะเริ่มกลับมาเป็นฐานเดียวกัน ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรของ AH ในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ 1,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน จากแรงหนุนทั้งธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและจัดจำหน่ายรถยนต์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับรู้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH และส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น "ในระยะสั้นเรามองการเติบโตของ AH จะโดดเด่นกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อื่น จากการรับรู้ดอกเบี้ยรับจากการลงทุน และให้เงินกู้แปลงสภาพใน SGAH ซึ่ง SGAH ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของชิ้นส่วนช่วงล่างและระบบส่งกำลังรถยนต์ด้านความปลอดภัย และมีโรงงานผลิตกระจายไปทั้งเอเชีย สหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ AH กำลังขาด แต่การเติบโตในระยะยาว มองว่ายังขึ้นอยู่กับส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH ซึ่งปัจจุบันยังมีไม่มากนัก และการลงทุนในตลาดใหม่ๆ เช่น เวียดนาม โดยทั้งหมดนี้ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าจะเข้ามาชดเชยดอกเบี้ยรับที่หายไปราว 320 ล้านบาท/ปี ตั้งแต่ปี 64 ได้หรือไม่"นายณัฐพล กล่าว นายณัฐพล กล่าวว่า ส่วนด้าน Valuation ยังถือว่าไม่แพง แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาแล้ว 9% เมื่อเทียบกับกลุ่มยานยนต์ที่ติดลบ 0.8% แต่ยังคิดเป็น P/E ปี 61-62 เพียง 8.3-8.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของตัวเองที่ 11 เท่า และค่าเฉลี่ยกลุ่มยานยนต์ที่ 15 เท่า สำหรับการลงทุนระยะสั้นภายในปีนี้ AH จึงดูน่าสนใจที่สุดในกลุ่ม ด้านนายสุรชัย ประมวลกิจเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า มองแนวโน้มกำไรสุทธิของ AH ในไตรมาส 2/61 น่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และน่าจะปรับตัวดีขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในทุกๆ ไตรมาส จากการรับรู้ออร์เดอร์ที่มีอยู่ และการรับรู้ดอกเบี้ยจาก SGAH รับจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 2.5 ล้านบาท/ไตรมาส รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิน่าจะเติบโตมาอยู่ที่ 1,255 ล้านบาท หรือเติบโต 8% จากปีก่อน และหากไม่รวมรายการพิเศษจากการขายเงินทุนปีก่อนจะโตสูงถึง 18% เป็นไปตามอุตสาหกรรมยายนต์ที่คาดจะเติบโต 5% หรือมียอดการผลิตรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.1 ล้านคัน รวมถึงการรับรู้ดอกเบี้ยรับ และส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 25.1% ใน SGAH ซึ่งปีนี้จะรับรู้เข้ามาเต็มปี นอกจากนี้มองว่าการมีพันธมิตรอย่าง SGAH จะช่วยสร้าง Global Footprints ที่มีศักยภาพในอนาคตที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศ อินเดีย สหรัฐ และยุโรป รวมถึงมองหาโอกาสลงทุนแห่งใหม่ในประเทศเวียดนาม อีกทั้ง AH ยังได้รับคำสั่งซื้อจากค่ายรถกระบะยักษ์ใหญ่ต่อเนื่องจากโมเดลปัจจุบัน โดยสัดส่วนรายได้ของรถกระบะรายนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายชิ้นส่วนรวม ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้อีก 8-10 ปีข้างหน้า ด้านบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดกำไรของ AH ในไตรมาส 2/61 จะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่สูงขึ้นของชิ้นส่วน และตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย อัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวจากการควบคุมประสิทธิภาพต้นทุน ประกอบกับ AH จะได้รับรายได้ดอกเบี้ยและส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรจะปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ AH ในปี 61 ขึ้นราว 3% เป็น 1,330 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว จากกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยกำไรสุทธิในปีนี้ที่ยังเติบโตดี เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว และยังคงได้ผลบวกจากการเข้าลงทุนใน SGAH อย่างต่อเนื่อง ส่วนหากเทียบกำไรปกติปี 61 ยังคงเติบโตโดเด่น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมกันนี้คาดว่ากำไรปกติไตรมาส 2/61 ยังคงเติบโตได้โดดเด่น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังคงได้รับผลบวกจากแผนการลงทุนใน SGAH ทั้งดอกเบี้ยรับและส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH อย่างไรก็ตาม ในงวดไตรมาส 2/61 หากเทียบเป็นกำไรสุทธิ อาจเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 2/60 ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุนรวม 147 ล้านบาท