บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แม้แนวโน้มผู้ประกอบการธุรกิจต้นน้ำทั้งน้ำมัน และถ่านหินจะรายงานกำไรปกติโดดเด่นในไตรมาส 2/61 แต่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มจำกัด อุปทานในตลาดโลกมีแนวโน้มออกมามากขึ้นในระยะถัดไป แต่หุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กลับ Outperform และสะท้อนกำไรที่เด่นในไตรมาส 2/61 ไปมากแล้ว เชิงพื้นฐานจึงชอบบมจ.บ้านปู (BANPU) มากกว่า PTTEP จากราคาถ่านหินทำจุดสูงสุดในรอบ 6 ปี แต่ราคาหุ้นยัง Laggard
ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ คาดผลประกอบการกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (PTTEP และ BANPU) จะมีผลประกอบการที่เติบโต เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนหลักทั้งราคาน้ำมันดิบ และ ราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้น ล่าสุดราคาถ่านหินล่วงหน้า Newcastle ปิด ณ วันที่ 4 มิ.ย. เท่ากับ 113 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงสุดในรอบ 6 ปี และราคาน้ำมันดิบ ดูไบเท่ากับ 74 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
โดยทั้งราคาถ่านหิน และราคาน้ำมันถือว่าปรับตัวแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดทั้งปีเฉลี่ย 85-90 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ เป็นบวกโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของหุ้น BANPU และ PTTEP ทั้งนี้ ชอบ BANPU มากกว่า PTTEP เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่สะท้อนความแข็งแกร่งของราคาถ่านหิน ขณะที่ ราคาน้ำมัน ณ ปัจจุบันเริ่มเห็นการชะลอตัว