นายชลณัฐ ญาณารณพ รองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ เอสซีจี และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวว่า เอสซีจีมั่นใจมีศักยภาพแข็งแกร่งที่จะลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม มูลค่า 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังล่าสุดตัดสินใจจะเข้าถือหุ้นทั้ง 100% ใน Long Son Petrochemicals Co. LTD (LSP) จากเดิมที่เครือเอสซีจีถือหุ้นอยู่ 71% โดยเตรียมก่อสร้างโครงการดังกล่าวในไตรมาส 3/61
ทั้งนี้ การจะเข้าลงทุนเพิ่มในโครงการดังกล่าวจะทำให้มูลค่าลงทุนในส่วนทุนของเอสซีจี เพิ่มขึ้นเป็นราว 7 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ราว 5.34 หมื่นล้านบาท ขณะที่เฉพาะเงินลงทุนในปีนี้สำหรับโครงการดังกล่าวยังคงเป็นไปตามแผนไม่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้น SCC ที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่เอสซีจีได้ประกาศการลงทุนเพิ่มในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์เวียดนามเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตปิโตรเคมีที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบในการผลิตอย่างเอสซีจีมีต้นทุนสูงขึ้นด้วย นับเป็นการสะท้อนตลาดตามภาวะปกติ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเข้าลงทุนเพิ่มในโครงการแต่อย่างใด
"เราทำคนเดียวไม่คิดว่าเสี่ยงน้อยกว่าเหรอ เอสซีจีทำโปรเจคไม่มีความมั่นใจเหรอ ราคาหุ้นที่ลดลงมาไม่น่าจะเกี่ยวกัน ราคาน้ำมันขึ้น ก็กระทบต่อราคาหุ้นปิโตรเคมีที่ใช้แนฟทาเป็นหลัก ก็สะท้อนราคาตลาดเป็นเรื่องปกติ โครงการนี้ใช้เวลาเกือบ 4 ปีครึ่งจะเกิด เขายังไม่ factor in ตอนนี้ เป็นสภาวะปกติตอนนี้ ตอนนี้ราคาน้ำมันก็ลดลงแล้ว ก็โอเค ราคาปิโตรก็ยังดีอยู่"นายชลณัฐ กล่าว
เมื่อสัปดาห์ราคาหุ้น SCC ทำระดับต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี มาที่ 444 บาทเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 หลังจากได้ประกาศการลงทุนเพิ่มในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม อย่างไรก็ตามล่าสุด SCC อยู่ที่ 450 บาท ลดลง 8 บาท หรือ 1.75%