นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินนกสกู๊ต คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 120 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ของสายการบินจะทะลุสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรก จากการเติบโตของเส้นทางการบิน จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ขนาดของเครื่องบิน รวมถึงปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ ยอดรวมสำหรับปี 61 คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 1.88 ล้านคน เพิ่มขึ้น 76% เทียบกับปีก่อน ซึ่งภายในปีนี้นกสกู๊ตจะขยายเส้นทางในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย โดยล่าสุดมีการเปิดตัวเที่ยวบินจากดอนเมือง-โตเกียว (นาริตะ) เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
"เรามั่นใจในศักยภาพของนกสกู๊ต ซึ่งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะไม่เป็นอุปสรรคต่อผลประกอบการในปีนี้" นายยอดชายกล่าวเสริม
ในไตรมาส 1/61 นกสกู๊ต มีผลกำไรสุทธิของการดำเนินงานกว่า 37.05 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีผลกำไรเพียง 9.99 ล้านบาท
นกสกู๊ต ได้เพิ่มอัตราค่าโดยสารในไตรมาส 1/61 ขึ้นประมาณ 10.20% จากผู้โดยสารต่อหนึ่งเที่ยวบินเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 311,165 คน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นกว่า 57,909 คน รวมถึงเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจาก 684 เป็น 883 เที่ยวบิน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ลำที่ 4 เข้ามาในฝูงบินอีกด้วย
"ในปีที่ผ่านมาสายการบินนกสกู๊ตเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีจำนวนผู้โดยสารสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดรายได้ที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ซึ่งเรารู้สึกพอใจกับผลประกอบการนี้ เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับผลการดำเนินงานในปี 61" นายยอดชาย กล่าว
อนึ่ง นกสกู๊ตเป็นสายการบินร่วมทุนซึ่งก่อตั้งโดย บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) และสกู๊ต ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดจากประเทศสิงคโปร์