MEGA คาดแนวโน้มผลงาน Q2/61 ดีกว่า Q1/61 หลังยอดขายเริ่มกลับมาดีขึ้น ,คงเป้ารายได้-กำไรสุทธิปีนี้โต 8-10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 8, 2018 12:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ (MEGA) กล่าวว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 น่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/61 จากยอดขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากไตรมาสแรกเป็นช่วงของโลว์ซีซั่นของธุรกิจ

ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ และกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 8-10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.11 พันล้านบาท เป็นไปตามยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ขยายตัว และปีนี้มีแผนออกสินค้าใหม่อีกจำนวน 10 รายการ ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มของยารักษาโรค และวิตามิน เป็นต้น อย่างไรก็ตามบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากผลิตภัณฑ์เมก้าวีแคร์ (MegaWecare) 50-52%, ผลิตภัณฑ์ Maxx care 45% และการรับจ้างผลิต (OEM) อีก 3% โดยยังคงมียอดขายจากในประเทศเป็นหลักอยู่

นอกจากนี้มองภาพรวมการแข่งขันด้านราคาสินค้าประเภท ยาและวิตามินในตลาดยังมีค่อนข้างสูง แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิมได้ จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 45% และในไตรมาส 1/61 สามารถทำได้แล้ว 45.6%

"เรายังตั้งเป้ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 8-10% ทุกปี โดยจะเป็นการเติบโตจากภายในประเทศ และการเข้าซื้อกิจการ M&A ซึ่งปัจจุบันเราก็ยังมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดหรือสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยมองในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มประเทศอินโดจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้เรายังไม่มีการเจรจา"นายวิเวก กล่าว

พร้อมกันนี้บริษัทวางงบลงทุนปี 61-62 ไว้ที่ 600 ล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายกำลังการผลิตในประเทศ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาใหม่อย่างต่อเนื่อง และการสร้างคลังสินค้า รวมถึงการลงทุนสำนักงานที่ประเทศเมียนมา ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 62 ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทให้เติบโตมากขึ้น โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินสดของบริษัท และการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน จากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับที่ต่ำมาก หรือ -0.21 เท่า

ส่วนการขยายธุรกิจ โดยการนำแบรนด์ MegaWecare เข้าไปวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้ได้มีการขยายทีมขายเข้าไปมากขึ้นกว่า 100 คน ทำให้ยอดขายในประเทศดังกล่าวเติบโตแล้ว 1-2% ของยอดขายรวม ขณะที่การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน บริษัท เมก้า มาลี จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากองค์กรอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ในไตรมาส 4/61 หรืออย่างช้าไตรมาส 1/62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ