นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการบลจ. กรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 176 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 12 มิ.ย.61
กองทุนดังกล่าวอายุ 12 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China ,China Construction Bank Asia, Bank Of East ASIA และพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ลงทุนใน MTN Mashreq Bank 14% ลงทุนในบัตรเงินฝาก Industrial and commercial bank of China และเงินฝากประจำ Bank of China ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ5 % ผลตอบแทนประมาณ 1.40%ต่อปี
นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน3 ( KTSIV6M3) เสนอขายรอบใหม่ (Roll Over ) ในวันที่ 11-15 มิ.ย.61 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 85% และส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง ผลตอบแทนประมาณ 1.10% ต่อปี
แนวโน้มอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากกลางปี 2561 โดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 0.24-0.30 ต่อปี ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ผ่านการไหลเข้าออกของเงินลงทุนต่างชาติ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทยจะปรับขึ้นในระดับที่น้อยกว่า เนื่องจากยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ในระบบการเงินจำนวนมาก ในขณะที่ตราสารหนี้ออกใหม่ยังมีไม่พอกับความต้องการลงทุน และคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ยังมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1วัน) ไว้ที่ 1.50% ต่อปี ตลอดปี 2561
ล่าสุดอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทย อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.74% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.13% ต่อปี อายุคงเหลือ 10 ปี อยุ่ที่ 2.81% ต่อปี ส่วนตราสารหนี้สหรัฐ อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 2.47% อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.74% และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.89%