นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลง จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติระลอกใหม่ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้อาจจะเกิดกระแสเงินทุนไหลออก
นอกจากนี้ยังใกล้ช่วงมีการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่งที่จะต้องจับตา โดยสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่วนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการประชุม G7 ไม่ได้ข้อสรุปอะไร เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้ร่วมลงนามอะไรทั้งสิ้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อยราว 0.2-0.3%
พร้อมให้แนวรับ 1,715-1,720 ถัดไป 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730-1,740 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,316.53 จุด เพิ่มขึ้น 75.12 จุด (+0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,779.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.66 จุด (+0.31%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,645.51 จุด เพิ่มขึ้น 10.44 จุด (+0.14%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 58.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.90 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มิ.ย.61) 1,722.04 จุด ลดลง 11.01 จุด (-0.64%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,290.73 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มิ.ย.61) ปิดที่ 65.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มิ.ย.61) ที่ 5.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.00 แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ จับตาการเคลื่อนไหว SET ,รอดูประชุมเฟด-ผู้นำสหรัฐฯพบเกาหลีเหนือสัปดาห์นี้
- ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ตัดสินใจที่จะไม่ยกเว้นรายประเทศให้กับไทยตามที่ไทยร้องขอ โดยยังคงยืนยันการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากไทยในอัตรา 25% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะไม่หยุดเจรจาในเรื่องนี้
- ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าภาครัฐจะออกมาประกาศว่า ภาพรวมจีดีพีโต 4.8% สูงสุดรอบ 5 ปี แต่หากมามองในด้านของอัตราการบริโภคของผู้บริโภคภายในประเทศถือว่า ยังอยู่ในระดับต่ำ มีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 3.2% เท่านั้น เนื่องจากผู้บริโภค ในตลาดต่างจังหวัดกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ในทิศทางที่ดีมากนัก
- อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมในรอบ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2561 ได้ 7.28 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,426 ล้านบาท หรือ 1.9% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3,766 ล้านบาท เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนและเพื่อการบริโภคขยายตัวมาก การนำเข้าสินค้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบังเพิ่มขึ้นสูงตามการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศที่ปี 2560 ขยายตัว 3.9% และปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.5%
- การประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ประเทศ หรือ G7 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดา ได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อวัน
เสาร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายปกป้องการค้าของสหรัฐ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้สั่งการ
ไม่ให้คณะผู้แทนสหรัฐให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุม G7 ในครั้งนี้ พร้อมกับทวีตข้อความโจมตีนายจัสติน ทรูโด นายก
รัฐมนตรีแคนาดา เพื่อตอบโต้การที่นายทรูโดได้วิจารณ์การเก็บภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEAUTY (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 21 บาท หลังราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 30% จากระดับสูงสุดที่ 23.7 บาท PE ซื้อขายในปัจจุบันลดลงสู่ระดับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ระดับ 32-33 เท่า และมี Upside จากราคาเป้าหมายกว่า 28% โดยคาดว่ากำไร Q1/61 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะเร่งตัวขึ้น qoq ตั้งแต่ Q2/61 จากการเริ่มออกสินค้าใหม่ และการจัดโปรโมชั่นทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น
- IT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.90 บาท ยอดขายเดือน เม.ย.-พ.ค. 61 ยังโตดี 8-10% Y-Y ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลังที่แทบไม่โต ส่วน มิ.ย. 18 ก็ออกสตาร์ทสวยกับยอดขายทีวีที่เร่งตัวขึ้นรับบอลโลก ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิ Q2/61 จะโตได้ทั้ง Q-Q และ Y-Y นอกจากนี้ เร่งขยายสาขาเชิงรุกในโลตัส โดยคาดว่าจะเปิดได้ 10 สาขาใน Q2/61 และจะทยอยเปิดไปจนถึงปลายปีนี้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 50 สาขา หนุนสาขารวมพุ่งเป็น 156 สาขา พร้อมคาดกำไรปีนี้โต 33% Y-Y อยู่ที่ 84 ลบ. จากทั้ง SSSG ที่เป็นบวกและการเปิดสาขาใหม่ที่มาพร้อมกันครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
- TKN (ไอร่า) เป้า 24.50 บาท คาด Gross Profit Margin ปรับตัวดีขึ้นใน Q2/61 จากการรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง ทั้งนี้ คาด TKN เริ่มต้นใช้วัตถุดิบสาหร่าย Lot ใหม่ที่มีราคาถูกลงในช่วง Q2/61 คาดช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังช่วง Q2/60 - Q1/61 ถูกกดดันอย่างหนักจากต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้น พร้อมมองยอดขายเติบโตต่อเนื่องจาก Q1/61 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 19% จากทั้งตลาดในประเทศ(+14%) และต่างประเทศ (+22%) ซึ่งเป็นผลจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น เช่น สาหร่ายอบ และเวย์โปรตีน รวมถึงขยายช่องทางและทำการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และคาดปี 61 กำไรสุทธิ 799 ล้านบาท กลับมาเติบโต 31% หลังลดลง 22%เมื่อปี 60 จากความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นตามลำดับ