นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า หลังจากปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2560/2561 กลุ่ม KTIS มีอ้อยเข้าหีบ 11.6 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้ 11.8 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 25.5% จากปีก่อนที่ได้น้ำตาลทราย 9.4 ล้านกระสอบ โดยการปริมาณอ้อยเข้าหีบและการผลิตน้ำตาลที่ระดับดังกล่าวนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล และการผลิตเยื่อกระดาษและบรรจุภัณฑ์มีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่การผลิตมากขึ้นด้วย
"ปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ ทำให้มีวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้จากการขายไฟฟ้าไตรมาสแรกปีนี้ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 82.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนที่มีรายได้ 246 ล้านบาท"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวว่า สำหรับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อชานอ้อยก็มีวัตถุดิบมากขึ้นเช่นกัน ประกอบกับราคาขายเยื่อกระดาษปีนี้สูงกว่าปีก่อน จึงเชื่อว่ารายได้จากสายธุรกิจนี้จะมีการเติบโตที่ดี นอกจากนี้กระแสการรณรงค์ให้ลดใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ประเภทโฟมและพลาสติก จะช่วยหนุนให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากชานอ้อยของกลุ่ม KTIS เติบโตได้ดีด้วย
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในไตรมาสแรกปี 2561 (มกราคม – มีนาคม 2561) มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 4,157.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 86.8 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้สายธุรกิจน้ำตาลเพิ่มขึ้น 4.7% จากปริมาณการขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น สายธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย เพิ่มขึ้น 7.9% เนื่องจากราคาขายเยื่อกระดาษเพิ่มขึ้นแม้ว่าปริมาณการขายจะลดลงเล็กน้อย ส่วนสายธุรกิจเอทานอล รายได้ลดลง 18.7% จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง