นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่นทางด้าน Fintech และลงทุนในธุรกิจ Started-up ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า JFIN Coin จำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดรองเป็นครั้งแรก (1st Trading Day) วันนี้ (2 พ.ค.) โดยเปิดราคา matching แรกที่ 6.45 บาทต่อโทเคน
ราคาเหรียญ JFIN Coin วันนี้ในกระดาน CoinAsset มีนักลงทุนขายค่อนข้างมาก คาดว่ามาจากการได้รับประโยชน์จากส่วนลด 10% ในวันเปิดขายพรีเซลล์ อีกทั้งยังมีปริมาณซื้อขายค่อนข้างน้อย ซึ่งคาดว่านักลงทุนจะสามารถเห็น Fundamental ของเหรียญได้ในไตรมาสที่ 3/61 หลังจากมีการเริ่มระบบ DDLP แล้ว และจะทำให้ราคามีความเสถียร ซึ่งปัจจุบันมองว่าตลาดซื้อขายด้วยอารมณ์
"วันนี้พอใจที่เดินมาได้อย่างมีรูปธรรม และถูกต้องสมบูรณ์แบบ หลังจากนี้ก็เป็น 2 เรื่อง เรื่องของราคาก็เป็นเรื่องของ demand-supply สมบูรณ์แบบที่วันนี้เปิดระบบเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็มี exchange อื่นที่พยายามไป list ตามกลไกของมันก็จะมีคนเข้ามามากขึ้น " นายธนวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ JFIN มีจำนวนดิจิทัลโทเคนทั้งหมด 300 ล้านโทเคน โดยนำมาทำ Initial Coin Offering (ICO) ในรอบนี้ครั้งแรก 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 660 ล้านบาท ทีมงานได้เริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ JFIN Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการการกู้ยืมที่อยู่บนระบบบล็อคเชน มีความปลอดภัยสูง คาดระบบจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2562 จะนำไปใช้ในธุรกิจสินเชื่อของบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และเชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งจาก Ecosystem ในกลุ่มเจมาร์ท จะสนับสนุนให้ JFIN ที่ออกมาในครั้งนี้ ได้รับความเชื่อมั่น มีเสถียรภาพ และเจริญเติบโตได้
นอกจากนี้ ยังเพิ่มกระดานเทรดใน Cash2Coins ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561
JVC ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ JFIN Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการการกู้ยืมที่อยู่บนระบบบล็อคเชน มีความปลอดภัยสูง คาดระบบจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2562 จะนำไปใช้ในธุรกิจสินเชื่อของบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และเชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งจาก Ecosystem ในกลุ่มเจมาร์ท จะสนับสนุนให้ JFIN ที่ออกมาในครั้งนี้ ได้รับความเชื่อมั่น มีเสถียรภาพ และเจริญเติบโตได้
หน้าที่ของเจเวนเจอร์สต่อจากนี้ คือ การให้ข้อมูลและบอกความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก เริ่มต้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงผู้ลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยความมุ่งหวังให้ JFIN เป็นที่รู้จักในฐานะเหรียญของคนไทยที่ได้รับการยอมรับระดับสากล และวางแผนไปเทรดในกระดานต่างประเทศที่ HitBTC ที่ฮ่องกง และ Upbit ที่เกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ด้านนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ JMART เปิดเผยว่า การที่ JVC เสนอขาย ICO ในชื่อเหรียญ JFIN Coin โทเคนสัญชาติไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของโลกการเงิน และเข้าซื้อขายในตลาดรองวันนี้เป็นวันแรกนั้น นับเป็นการปลุกกระแส ICO ในประเทศไทย ที่สร้างมาตรฐาน เป็นแบบอย่างที่ดี และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานภาครัฐบาล ที่เตรียมจะประกาศกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ออกมาควบคุม ดูแล และสนับสนุนในอนาคต
นายอดิศักดิ์ คาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2561 จะปรับตัวลดลง จากบริษัทย่อยคือ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด มีภาระต้องตั้งสำรองเพิ่มเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ขณะที่รายได้ยังเติบโตได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะเริ่มกลับสู่สภาวะปกติในไตรมาสที่ 2/2561 จากการที่ไม่มีภาระการตั้งสำรอง และปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และบริษัทคาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีในปี 62 เมื่อระบบทุกอย่างลงตัว
ส่วนราคาหุ้น JMART ที่ปรับตัวลดลง มองว่า เป็น panic sell ในระยะสั้นจากการปรับมาตรฐานบัญชีใหม่ตามกลไกตลาด และเชื่อว่าจะสามารถกลับมาได้เป็นปกติ โดยล่าสุดบริษัทเข้าซื้อบริษัทรุกขยายตลาดในธุรกิจประกันภัย โดยเข้าถือหุ้นในบมจ.ฟีนิกซ์ประกันภัย คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 2/2561 นอกจากนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับธุรกิจเดิมด้วย โดยบริษัทเตรียมแถลงแผนการดำเนินงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในวันที่ 17 พ.ค. 61 นี้
https://www.youtube.com/watch?v=TmhxxYgi6Tw