นายพิพัฒน์ รุ่งเรือง ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สกายเน็ต ซิสเต็มส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (AS) เปิดเผยในงาน "CRYPTONIST นวัตกรรมปฏิวัติโลกการเทรดดิจิตอล" ภายใต้ห้วข้อ "ลงทุนด้วยคำพูดคน: นวัตกรรมประมวลผลภาษามนุษย์เพื่อสร้างคำสั่งซื้อและเครื่องมือช่วยบริหารพอร์ตลงทุน" ว่า สกายเน็ต ซิสเต็มส์ เป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่พัฒนา Social Trading & Ranking System for The Stock Exchange of Thailand & Cryptocurrency Exchange ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระบบเพื่อรองรับการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลไปยังตลาดหลักทรัพย์ได้ทั่วโลก โดยบริษัทฯ มีสาขาทั้งหมดใน 5 ประเทศทั่วเซาท์อีสเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนิเชีย และฟิลิปปินส์
บริษัทฯ จึงได้พัฒนาระบบ Social Trading System หรือ Social Trading Platform ที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างเงื่อนไขในขั้นตอนการประมวลผลและสร้างอันดับ ที่สามารถเปิดเผยให้กับบุคคลอื่นได้เห็น ซึ่งจะทำให้ทราบว่านักลงทุนหรือบุคคลใด สร้างผลตอบแทนได้มากน้อยเพียงใด และจะสามารถทำให้นักลงทุนรายอื่นๆ ขอคัดลอกการซื้อขาย หรือทำการซื้อขาย (Copy Trade หรือ Follow) ในข้อกำหนดเดียวกับผู้ที่สร้างผลตอบแทนได้มากที่สุด หรือ มีอันดับที่ดีที่สุด โดยปัจจุบันระบบได้พัฒนาสมบูรณ์แล้วกว่า 99%
ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อรองรับ AI และ Algorithm ได้ทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็น High-Level Programming หรือ Low-Level Programming และมีระบบ Ranking System ที่ใช้เก็บสถิติระดับ Big Data เพื่อแสดงอันดับนักลงทุนทั่วไปหรือระบบ AI ต่างๆ ที่ต้องการเปิดเผยข้อมูลสถิติให้บุคคลทั่วไปได้เห็นผลตอบแทนในการลงทุนและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ได้ โดย Skynet เป็นระบบ Social Trading ที่มี Product สามารถทดสอบใช้ได้จริงแล้วกับ Cryptocurrency Exchange (Bx.in.th) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Thailand Futures Exchange (TFEX) โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานได้เร็วๆ นี้
"เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยปัจจุบันยังไม่สามารถรองรับการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นแบบอัตโนมัติได้อย่างเต็มที่และจำกัดการใช้ภาษาได้แค่ Script แบบ Rule-based ซึ่งในต่างประเทศปัจจุบันสามารถใช้ AI ในการส่งคำสั่งได้แล้ว และยังไม่มีระบบ Robot ที่ไหนที่แสดงผลตอบแทนที่แท้จริงให้นักลงทุนทั่วไปได้เห็นในระดับ Public" นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ความเชี่ยวชาญที่ผ่านมา คือ การเป็น Social Gaming Platform ที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยมี User ประมาณ 4-5 ล้านไอดี และมีคนเล่นประมาณ 2 แสนคนต่อวัน โดยมีคนเล่นเฉลี่ยประมาณ 50,000 คนต่อวันตลอดเวลา ซึ่งเมื่อก่อนที่ดำเนินการจะเป็นลักษณะ Social Gaming Platform ก็จะมี User ห้องละ 200 คน ประมาณ 200 กว่าห้อง ซึ่งมีระบบ South East Asia System Tournament ก็จะมีการแข่งขันจัดอันดับในเกม โดยส่วนนี้จะนำมาใช้กับระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเป็นการเข้ามาจัดอันดับนักลงทุนยอดเยี่ยมและอันดับของโบรกเกอร์ในแต่ละประเทศ ซึ่งนอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังมีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยมองตลาดในเซาท์อีสเอเชียทั้งหมด เนื่องจากบริษัทฯ มีสาขาในประเทศต่างๆ จึงคาดว่าจะช่วยทำให้การทำตลาดเป็นไปในทิศทางที่สามารถเติบโตได้
ด้านนายนิรันดร์ ประวิทย์ธนา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AVA Advisory (AVA.fund) เปิดเผยว่า AVA Advisory เป็นบริษัทฯ ที่พัฒนา Application ครบวงจรสำหรับนักลงทุนในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามหุ้นหรือหลักทรัพย์เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนบุคคลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนโดยไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาภายใต้ชื่อที่รู้จักกันว่า "Market Anywhere"
โดยการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันที่ได้มีการพัฒนาไปมาก โดยการผสมผสานระหว่างการใช้ Deep Learning ร่วมกับ Expert System ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพในการเทรด โดยแนวคิดหลักของ Deep Learning คือการให้ AI ตัดสินใจหาจังหวะซื้อขายจากการวิเคราะห์ข้อมูลดิบจำนวนมาก เพื่อหาแพทเทิร์นของเหตุการณ์ที่มีนัยยะสำคัญต่อการขึ้นหรือลงของราคาหุ้นข้อดีของการใช้ Deep Learning คือ AI จะสามารถเปลี่ยนแปลงเทคนิคการเข้าซื้อขายได้ตามสถานการณ์และสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป (Dynamic Strategy) โดยตัดสินใจในรูปแบบที่ซับซ้อนบนตัวแปรจำนวนมาก (Non-linear Decision Making) ในรูปแบบที่สมองมนุษย์มีขีดจำกัดและไม่สามารถตัดสินใจได้ ซึ่งจะช่วยพัฒนาการลงทุนให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=JsJJungVWOc