นายวิโรจน์ เจริญตรา รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีบิลท์ (PREB) กล่าวว่า พรีบิลท์ ร่วมกับสองบริษัทรายใหญ่จากญี่ปุ่น คือ ชินวะกรุ๊ป โดยบริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) เจ้าของนวัตกรรมรูเนะสุ และ Pressance Corporation บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนยูนิตสร้างขายเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น ได้ร่วมกันลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุน 49:26:25 เพื่อร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรก คือ REN สุขุมวิท 39 มูลค่า 2.6 พันล้านบาท จำนวน 298 ยูนิต
สำหรับโครงการ REN สุขุมวิท 39 เป็นคอนโดมิเนียมหรูที่พร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ และเป็นการก่อสร้างโดยใช้นวัตกรรมรูเนะสุ หรือการกลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคานทั้งโครงการ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมือง นักลงทุนที่สนใจโครงการคุณภาพ บนทำเลศักยภาพ คุ้มค่าแก่การลงทุน และผู้เช่าชาวญี่ปุ่นที่ต้องการพักอาศัยในย่านลิตเติ้ลกินซ่าในกรุงเทพฯ
"เรามีความยินดีที่ได้ร่วม JV กับชินวะกรุ๊ป และ Pressance Corporation ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น และมีมาตรฐานการก่อสร้างสูง ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน"นายวิโรจน์ กล่าว
ด้านนายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า นโยบายของปี 61-62 ของชินวะฯ นอกจากโครงการ REN สุขุมวิท 39 ในปีนี้แล้วนั้น ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บ้านเดี่ยว เป็นต้น รวมถึงการขายนวัตกรรม "รูเนะสุ" ไปยังหัวเมืองใหญ่ภายในประเทศ และประเทศอื่น ๆ ภูมิภาคอาเซียน ที่ยังมีช่องว่างให้เติมคุณภาพของสินค้าของบริษัทได้
นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ที่ระดับ 4-4.2 พันล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจรับเหมาทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 7 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาภายในปี 61-62 ทั้งหมด โดยปัจจุบันงานที่เป็น Backlog ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างอาคาร และโครงการคอนโดมิเนียม ขณะที่การประมูลงานใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะเข้าประมูลงานใหม่มูลค่าราว 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานของภาครัฐและเอกชน โดยคาดหวังได้รับงาน 50% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล
ขณะที่แผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทนั้นในปีนี้จะพัฒนาทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตร 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง 1 โครงการ ภายใต้บริษัท is am are จำกัด ซึ่ง PREB ถือหุ้น 100% ที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สุขุมวิท 26 มูลค่า 900 ล้านบาท จะเปิดขายไตรมาส 4/61 ส่วนโครงการแนวราบใหม่ที่ร่วมทุนกับกลุ่มพรีเมียร์จะเปิดโครงการทาวน์โฮม ย่านพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์ มูลค่า 800 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงปลายเดือนมิ.ย. หรือต้นก.ค.นี้ จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทได้ร่วมกับกลุ่มพรีเมียร์พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ "พรีมิโอ ควินโต" มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ทำยอดขายไปแล้ว 80% จะเริ่มโอนในปี 62
โดยที่ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไปบริษัทจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์เข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่มีโครงการที่ร่วมกับกลุ่มพรีเมียร์เริ่มโอน 2 โครงการ พร้อมกับตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพัฒนาและขายอสังหาริมทรัพย์ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 62-64) เพิ่มเป็นมากกว่า 50% จากปีนี้ที่มีเฉพาะกำไรที่มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งในปีนี้กำไรของบริษัทคาดว่าจะลดลงจากปีก่อน เพราะไม่มีกำไรที่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามา หลังจากที่บริษัทขายหุ้นบมจ.บิลท์แลนด์ ออกไปในปีก่อน และได้รับเงินมา 2 พันล้านบาท เพื่อมาพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในปีนี้ พร้อมกับนำมาใช้ซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตที่ 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท อายุ 3 ปี อ่นดับเครดิตเรตติ้ง BBB อัตราดอกเบี้ยช่วง 3.7-4.5% ในช่วงไตรมาส 4/61 เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต ส่วนการลงทุนร่วมกับ"ชินวะกรุ๊ป"หลังจากร่วมกันพัฒนาโครงการแรกแล้วนั้นคาดว่าร่วมกันพัฒนา 1-2 โครงการ/ปี มูลค่า 4-5 พันล้านบาท พร้อมทั้งได้มองการพัฒนาโครงการแนวราบร่วมกันด้วย โดยจะเน้นทำเลในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาร่วมกัน
ด้านภาพรวมธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปีนี้และปีหน้ามองว่ายังมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างอาคารและที่อยู่อาศัยต่างๆ ในส่วนของอัตราค่ารับเหมาก่อสร้างในปี 61 และปี 62 มีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น ค่าวัสดุก่อสร้างที่เริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้น และการนำนวัตกรรมการก่อสร้างที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเข้ามาใช้