นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งตัวในลักษณะทรงตัว เนื่องจากกำลังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าบ้านเราจะทราบผลการประชุมในเช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดฯก็มองว่ารอบนี้น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตาม Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดจะส่งสัญญาณเป็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯก็เร่งตัวขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ถัดไปก็จะต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรอบนี้ก็มีนัยสำคัญต่อตลาดฯ จากประเด็นการลดการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก ดังนั้น ช่วงสั้นตลาดฯคงจะเป็นลักษณะของการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนทั้งสองการประชุมเพราะมีนัยสำคัญต่อตลาดฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบราว 0.3%
ส่วนบ้านเราเมื่อวานนี้ก็ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,730 จุดได้ และช่วงนี้ก็ไม่มีปัจจัยบวกด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,740 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,320.73 จุด ลดลง 1.58 จุด (-0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด (+0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,703.79 จุด เพิ่มขึ้น 43.87 จุด (+0.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 17.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 112.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.60 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 48.87 จุด
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มิ.ย.61) 1,727.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด (+0.24%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,467.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 มิ.ย.61) ปิดที่ 66.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.61) ที่ 5.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.10 อ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์จากตลาดคาดที่ประชุมเฟดวันนี้จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
- ปิดฉากซัมมิต"ทรัมป์-คิม" ชื่นมื่น เผยสาระหลักข้อตกลง 4 ข้อสำคัญมุ่งปลอดนิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลี พร้อม ส่งสัญญาณจะเกิดสันติภาพอย่างแท้จริง ด้านผู้นำสหรัฐเตรียมถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ ชาวอเมริกัน 72% เห็นด้วย"ทรัมป์"ตัดสินใจหารือกับ"คิม" แต่ 68% ไม่เชื่อว่า "คิม"จะยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
- อดีต รมว.คลัง วิเคราะห์ "รบ.ประยุทธ์" ไม่ยอมเปลี่ยนสูตรราคาขายน้ำมันในประเทศ โดยบวกค่าขนส่งเทียมจากสิงคโปร์ ทั้งที่หมดความจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจให้โรงกลั่นแล้ว แถมเอาสูตรนี้ไปใช้กับ LPG เพื่อเพิ่มกำไรมหาศาลให้โรงแยกก๊าซฯ ด้าน "กบง." เคาะตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือน 363 บาทต่อถังต่อไปอีกจนกว่าราคาตลาดโลกจะลดลง แต่ข่าวร้าย ผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ รีดเงินเข้าและลดชดเชยเข้ากองทุนน้ำมัน 37 สต./ลิตร สะสมเงินไม่ให้ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท รับมือน้ำมันขาขึ้นช่วงสิ้นปี หวังเตรียมไว้ตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา บอร์ดให้ไปศึกษาข้อมูลเพิ่มการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะต้องยื่นซองวันที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยบอร์ดจะมีมติในวันยื่นซองอีกครั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ผู้ให้บริการมือถือ 1 ใน 3 รายที่จะเข้าประมูล กลุ่มทรูส่งหนังสือไม่เข้าประมูลครั้งนี้
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน มิ.ย.มีมุมมองต่อดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 91.66 จุด ลดลง 1.07% จากเดือนก่อน อยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยนักลงทุนต่างประเทศและสถาบันในประเทศมีมุมมองที่ดีต่อดัชนีตรงข้ามกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และรายย่อยที่มองดัชนีมีแนวโน้มลดลง
- ในการลงพื้นที่คณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.) ครั้งนี้ รฟท.ได้เสนอความคืบหน้าโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยระยะที่ 1 จะเปิดให้บริการในปี 2562 จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย
- ผลประกอบการจากการดำเนินงาน ของ กนอ. ใน 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2561 ระหว่างตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 มียอดพื้นที่ขายและเช่า 827 ไร่ เงินลงทุนรวม 16,400 ล้านบาท และเกิดการจ้างงาน 1,868 คน กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ อุตสาหกรรมคลังสินค้า ยาง/พลาสติกและหนังเทียม ยานยนต์/การขนส่ง เป็นต้น และ 5 อันดับนักลงทุนต่างชาติลงทุนมากสุด คือ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร"เป้า 25 บาท มองผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสหนึ่ง และคาดฟื้นตัวเด่นในไตรมาสสอง จากปริมาณผลิตถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้น โดย CEY คาดเพิ่ม 0.9 ล้านตันเป็น 3.5 ล้าน และ ITM คาดเพิ่ม 0.8 ล้านเป็น 5.1 ล้านตัน ส่งผลให้ Margin ขยายตัว และ ธุรกิจไฟฟ้า (BPP) คาดขยายตัวตาม Seasonal อีกทั้งเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากบาทอ่อน (Fx-gain) ด้านราคาถ่านหินยืนในระดับสูงสุดของปีที่บริเวณ 115 เหรียญ/ตัน ให้ สนับสนุนจาก Inventory ในจีนที่ต่ำ ในขณะที่ Demand จากอินเดีย, ญี่ปุ่น อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการยังอยู่ในระดับสูง ถือเป็น Sentiment บวกต่อราคาถ่านหินต่อการเก็งกำไร
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาฝ้ายที่ปรับตัวขึ้น ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 95.15 เซนต์/ปอนด์ ขณะที่ PTA spread เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปี คาดหนุนกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 โตโดดเด่น
- GLOBAL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 19 บาท ผลประกอบการ Q2/61 น่าสนใจมาก คาด SSSG 2QTD บวกต่อเนื่อง (เช่นเดียวกับ CPALL และอาจมี HMPRO) สวนทางบริษัทอื่นในกลุ่มที่ส่วนใหญ่ทรงตัวถึงติดลบเพราะปีนี้ฝนตกเยอะ พร้อมคาดกำไร Q2/61 ราว 500-520 ล้านบาท โต 16-20% Y-Y แต่ชะลอเล็กน้อย Q-Q และน่าจะแผ่วลงใน H2/61 เพราะ low season โดยคาดกำไรทั้งปี +27% Y-Y เป็น 2.05 พันล้านบาท