บล.เออีซี (AEC) คาดการณ์ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (13-15 มิ.ย.) ให้กรอบดัชนี SET ที่ 1,690-1,746 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยต่างประเทศ อาทิ การประชุม G7 เมื่อวันที่ 8-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังขาดข้อสรุปที่ชัดเจน และมีโอกาสที่ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลักอย่างกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) จะรุนแรงมากขึ้น
ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวานนี้ ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะประเด็นการเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือที่อาจไม่มีความคืบหน้าดังที่ตลาดคาด รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ตลาดจะมั่นใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% แต่นักลงทุนยังรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจ และทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของ และตลาดจับตาช่วงเวลาที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับลดวงเงินโครงการซื้อคืนสินทรัพย์อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้
"จากปัจจัยเชิงลบต่าง ๆ ส่งผลกดดันให้การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ( Fund Flow) ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่ แต่เรามองยังมีหุ้นที่น่าสนใจลงทุน และคาดว่าจะยังคง Outperform กว่าตลาดได้"บล.เออีซี ระบุ
บล.เออีซี ระบุอีกว่า กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ "Selective Buy เน้นรับ ไม่ไล่ราคา"ในหุ้นค้าปลีกที่ยังโตดีและคาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลกที่จะกระตุ้นการซื้อสินค้าต่าง ๆ เช่น ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดืม, อุปกรณ์กีฬา โดยเลือก CPALL, BJC, ROBINS รวมทั้งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแผนเปิดตัวโครงการจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังปี 61 จะช่วยหนุนกำไรยังโตดีต่อเนื่อง เช่น AP, SPALI, SC และหุ้นเด่นที่คัดไว้เป็นหุ้น Top Picks ช่วงครึ่งหลังปี 61 จากปัจจัยพื้นฐานดี และมีกำไรโตสดใส เมื่อเทียบจากปีก่อน เช่น BDMS, BJC, AOT, BA, JKN, SAWAD, SPALI
ส่วนในทางเทคนิคสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนระยะกลาง ถือเงินสด รอสัญญาณการยืนกรอบแนวรับ จึงค่อยเริ่มทะยอยซื้อ ทั้งนี้ กลุ่มที่คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA , KCE, HANA และกลุ่มการแพทย์ เช่น BCH , LPH , D