(เพิ่มเติม) KBANK จับมือกลุ่ม MINT รุกสินเชื่อแฟรนไชส์ร้านอาหาร-ไอศกรีม หลังมองตลาดโตมาก ตั้งเป้าปล่อยกู้ปีนี้ 350 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 13, 2018 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับบมจ.เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ในกลุ่มบมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารยอดนิยมของไทย โดยพร้อมจะให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี , สเวนเซ่นส์ และแดรี่ควีน ตอบรับการขยายตัวธุรกิจอาหารและไอศกรีม โดยตั้งเป้าปล่อยกู้ให้กับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ในปีนี้ 350 ล้านบาท

ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตมาตลอด โดยในปี 60 ตลาดแฟรนไชส์มีมูลค่าสูงถึง 200,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโต 15% ในปีนี้ มาที่ 230,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน โดย 3 อันดับแฟรนไชส์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ 1) อาหาร 2) เครื่องดื่มและไอศกรีม 3) เบเกอรี่ จากการขยายตัวของห้างสรรพสินค้าหรือปั๊มน้ำมัน ที่มักใช้ร้านดัง ๆ เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ รวมถึงพฤติกรรมการชอบกินข้าวนอกบ้านของลูกค้าที่เป็นครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และการเติบโตของธุรกิจดิลิเวอรี โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือคนโสด มักเป็นกลุ่มที่มีความคุ้นเคยกับการสั่งอาหารออนไลน์

ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีการเติบโตสูง และเป็นพันธมิตรสำคัญที่ธนาคารตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของธุรกิจ (Total Business Solution) ได้แก่ 1. การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ สำหรับผู้สนใจเป็นเจ้าของร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน เพื่อใช้ลงทุนเปิดสาขาใหม่ ขยายสาขา หรือปรับปรุงสาขา รวมถึงการลงทุนเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ ด้วยวงเงินสินเชื่อ 80% ของมูลค่าการลงทุน ไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยพิเศษปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ปีที่ 3 จนถึงครบสัญญา อัตราดอกเบี้ย MRR-1.5% และพิเศษเฉพาะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ธนาคารได้ช่วยลดภาระทางการเงินและเสริมสภาพคล่อง สำหรับผู้สนใจลงทุนเปิดร้านทั้ง 3 แบรนด์ สมัครสินเชื่อตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค.61 ไม่ต้องผ่อนชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน

2. การจับคู่ลูกค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าที่มีเงินลงทุนพร้อม แต่ยังไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ในการทำธุรกิจ ธนาคารจึงเป็นตัวกลางในการหาลูกค้าที่มีศักยภาพให้มีโอกาสมาเจอกับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป และ 3. การหาทำเลที่เหมาะสม ธนาคารร่วมกับพันธมิตรที่เป็น Landlord สำคัญ ในการหาทำเลเช่าเปิดร้านที่เหมาะสมให้กับผู้สนใจลงทุนกับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป

ปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อแฟรนไชส์คงค้าง 2,441 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเติบโต 5% โดย 3 ธุรกิจที่มียอดสินเชื่อแฟรนไชส์มากที่สุดของธนาคาร ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร และธุรกิจเครื่องดื่ม โดยไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เป็นแฟรนไชส์กลุ่มธุรกิจอาหารที่มีสัดส่วนมากที่สุดของธนาคาร มียอดสินเชื่อคงค้าง ณ เดือน มี.ค.61 อยู่ที่ 438 ล้านบาท

"ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้น โดยตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่เติบโตมากกว่า 20% จากปัจจุบันที่มีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 2,441 ล้านบาท ขณะเดียวกันธนาคารมีจำนวนแฟรนไชส์ 50 แบรนด์แล้ว ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อแฟรนไชส์ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1%"นายสุรัตน์ กล่าว

ด้านนางกัญญา เรืองประทีปแสง ประธานฝ่ายการเงิน บมจ.เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน จะต้องมีคุณสมบัติประกอบด้วย มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอ, มีที่พักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่ประกอบกิจการ, ดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง, ไม่ประกอบธุรกิจร้านอาหารอื่น ๆ ยกเว้นเป็นผู้ประกอบการเดิมของไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป, มีความเข้าใจในตลาดและกลุ่มลูกค้าในพื้นที่, มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานสำคัญ ๆ ในพื้นที่

ส่วนแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางงบลงทุนรวมมากกว่า 800 ล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายสาขาทั้ง 3 แบรนด์ในปีนี้จำนวน 100 สาขาทั่วประเทศ โดยเป็นธุรกิจแฟรนไชส์จำนวน 50 สาขา และใช้ในการปรับปรุงสาขาเดิม จากปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมกันทั้ง 3 แบรนด์ จำนวน 800 สาขา แบ่งเป็น ร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี จำนวน 300 สาขา, ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ 100 สาขา และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน 400 สาขา

นอกจากนี้กลยุทธ์ร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะเน้นเรื่องความสดใหม่ของพิซซ่าและพาสต้า และราคาที่คุ้มค่าตลอดทั้งปี โดยจะใช้เงิน 10 ล้านบาทต่อสาขา, ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ ใช้เงินลงทุน 7-8 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านรูปแบบร้านที่ทันสมัย ด้วยการปรับปรุงร้านเดิม เน้นความสนุกสนาน สีสันโดดเด่น ส่งเสริมบรรยากาศการทานไอศกรีม รวมทั้งการพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาคุณภาพของไอศกรีม เน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้า ทั้งจากลูกค้าเดิมด้วยการเพิ่มความถี่ และการยึดครองความเป็นเจ้าตลาดบิงซูที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เชื่อมั่นว่าจะสร้างกระแสและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้

รวมถึงร้านไอศกรีมแดรี่ควีน จะใช้เงินลงทุน 2-3 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะสร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจลูกค้ากลุ่มเดิมด้วย สินค้าใหม่ที่โดนใจคนไทย, ขยายธุรกิจไปยังช่องทางใหม่ๆ ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม, สร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ ด้วยการเพิ่มความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้สนใจหรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยากมีธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ และยังมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และด้วยบริการทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย เชื่อมั่นว่าจะช่วยผู้ประกอบการในการแบ่งเบาเงินลงทุน และภาระดอกเบี้ยได้เป็นอย่างดี

นางกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการธุรกิจอาหารเพิ่มเติม แต่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจภายใต้แบรนด์ของบริษัทก่อนเป็นหลัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ