นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท ลดลงจากระดับ 1.85 พันล้านบาทในปีที่แล้ว แต่จะเป็นการเริ่มต้นฐานรายได้ใหม่ก่อนจะกลับมาเติบโตที่ระดับ 10-15% ต่อปี หลังจากบริษัทปิดสาขาร้าน"ฮอท พอท สุกี้ชาบู"ในทำเลที่มีผลขาดทุนไปกว่า 40 สาขา รวมถึงได้มีการปรับปรุงร้านที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่และปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
ตลอดจนมีแผนจะดึงแบรนด์ร้านอาหารของบริษัท เจซี เควินฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด ในกลุ่ม"เตชะอุบล"โดยเฉพาะแบรนด์ดังเข้ามาอยู่ในพอร์ตของบริษัท โดยคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจะขาดทุนลดลง และพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2/61 จะเติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/61 จากเป็นช่วงปกติของธุรกิจในไตรมาสที่ 2 ของปีที่มองว่ามียอดขายดีเพียงเดือน เม.ย.
บริษัทตั้งงบลงทุนปี 61 ราว 100-200 ล้านบาทเพื่อรีแบรนด์และปรับปรุงร้านอาหาร"ฮอท พอท"สาขาเดิม อาทิ ปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร ปรับปรุงบริการ รูปลักษณ์ และโลโก้ เพื่อให้ทันสมัยขึ้นและตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น และยังคาดว่าจะช่วยให้สัดส่วนต้นทุนอาหาร (food cost) ทั้งหมดลดลงเหลือ 45-46% จากเดิม 48% ของต้นทุนทั้งหมด และตั้งเป้าลดลงเหลือ 42% ในอนาคต โดยคาดว่าการรีแบรนด์จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/61
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าขยายสาขาร้านอาหารอื่นๆ ในเครือฯเพิ่มเติมในปีนี้ คาดว่าใช้งบลงทุนใกล้เคียงกันที่ 10-12 ล้านบาท/สาขา หลังจากมีการรีแบรนด์ร้านอาหารแล้วเสร็จก็มีแผนทำการตลาดและออกแคมเปญในช่วงที่เหลือของปี คาดใช้งบลงทุนอีก 30-40 ล้านบาทด้วย
นายอภิชัย ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนในธุรกิจอาหารกับพันธมิตรในไทย 2 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศอีก 1 รายเพื่อร่วมทุนในธุรกิจอาหารเช่นกัน แต่คงยังไม่สามารถสรุปได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากมีความชัดเจนบริษัทก็จะเจรจากู้เงินสถาบันการเงิน เนื่องจากหลังเพิ่มทุนแล้วจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนลดลงมาเหลือเพียง 1.6 เท่า
นายอภิชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนเตรียมนำแบรนด์ร้านอาหารของบริษัท เจซี เควิน ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด อาทิ ร้านเจิ้งโต่ว ร้านซินยอร์ ซาสซี่ และร้านเบอร์เกอร์แอนด์ล็อบสเตอร์ เข้ามาอยู่ในพอร์ตของ JCKH เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้น โดยคาดหวังว่าจะนำเข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 4/61 ซึ่งยังต้องรอยื่นเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติก่อน
"กำไรของร้านเบอร์เกอร์แอนด์ล็อบสเตอร์ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาช่วยให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรในภาพรวมดีขึ้น"นายอภิชัย กล่าว
อนึ่ง JCKH เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 292.3 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) จำนวน 243.6 ล้านหุ้น อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคาหุ้นละ 1.30 บาท ที่เหลืออีก 48.7 ล้านหุ้นจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (PP) กำหนดวันจองซื้อเพื่อชำระค่าหุ้นในวันที่ 18-22 มิ.ย.61 โดยคาดว่าจะได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้น RO จำนวน 317 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ฐานทุนและฐานการเงินแข็งแกร่งขึ้น