(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค รับ Sentiment ลบระยะสั้นหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 14, 2018 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่ติดลบกันทั่วหน้า รับ Sentiment ลบระยะสั้นจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ 0.25% และมีการส่งสัญญาณในครึ่งหลังปีนี้ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือน ก.ย. และธ.ค.ทำให้ปีนี้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้ง จากเดิมที่คาดจะขึ้นแค่ 3 ครั้ง ตอนนี้ก็มีความชัดเจนแล้ว

ทั้งนี้ ก็ไม่ดีกับตลาดหุ้นที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินในเอเชียที่จะอ่อนค่าลง รวมถึงเงินบาทที่จะอ่อนค่าด้วย เพราะ Fund Flow คงจะไหลออกจากเอเชียไปสู่สหรัฐฯ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะกระทบต่อต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนด้วย

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงจะปรับตัวลงไม่มาก เพราะวอลุ่มเทรดโดยรวมมีค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว และนักลงทุนต่างชาติก็ขายมาตลอด เพียงแต่ขณะนี้ตลาดบ้านเราก็ไม่ได้มีปัจจัยบวกอะไรเข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่อไป โดยตามประเด็นเรื่องจะยุติการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อใด และในวันศุกร์นี้ก็ให้ติดตามการประกาศหุ้นเข้า/ออกใน SET50

พร้อมให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,724 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,201.20 จุด ลดลง 119.53 จุด (-0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,775.63 จุด ลดลง 11.22 จุด (-0.40%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,695.70 จุด ลดลง 8.09 จุด (-0.11%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 123.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 41.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 30.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 17.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.14 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 12.66 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มิ.ย.61) 1,718.34 จุด ลดลง 8.95 จุด (-0.52%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,338.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มิ.ย.61) ปิดที่ 66.64 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มิ.ย.61) ที่ 4.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.13 แข็งค่าเล็กน้อย หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด-นลท.รอผลประชุม ECB ปลายสัปดาห์นี้
  • รฟม.เตรียมเปิดประมูลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง "เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ" วงเงินลงทุนราว 1 แสนล้าน ภายในเดือน ก.ย.นี้ ด้าน "ซิโนไทย" ลั่นพร้อมลงสนามชิงงานเพิ่ม หลังปีนี้เริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู คาดเปิดใช้งาน ต.ค.64
  • รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศรายชื่อสินค้าจีนราว 1,300 รายการ ซึ่งคาดว่าจะเน้นที่สินค้าภาคเทคโนโลยีเป็นหลัก คิดเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) ที่จะเก็บภาษี 25% ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ รวมถึงจะประกาศมาตรการจำกัดการลงทุนจากจีนในภาคเทคโนโลยีสหรัฐในวันที่ 30 มิ.ย. 2561 เช่นกัน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐสั่งให้คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ เปิดการไต่สวนการนำเข้าถังก๊าซโพรเพนที่นำเข้าจากไทย ไต้หวัน และจีน หลังมีข้อกล่าวหาว่าทั้ง 3 ประเทศมีการทุ่มตลาด ด้วยการตั้งราคาขายในสหรัฐต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ผลิต และผู้ส่งออกยังได้รับการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากภาครัฐอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตในสหรัฐ
  • "ประยุทธ์" กดปุ่มจัดงบลงกองทุนหมู่บ้านปี 61 วงเงิน 20,000 ล้านบาท รับหมู่บ้านละ 300,000 บาท เปิดใจปลื้มกองทุนหมู่บ้านมีความก้าวหน้าและดีขึ้นต่อเนื่องหลังรัฐโอนเงินให้เป็นระยะ "สมคิด"แจงไม่ใช่งบหาเสียงเพราะรัฐบาลทำมา 4 ปีแล้ว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TMB (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 2.9 บาท เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง กดดันให้แบงก์ชาติบ้านเราอาจจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม โดยคาดว่าแบงก์ชาติอาจจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในช่วงปลายปี เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร
  • EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท มองราคาน้ำมันจะพีคที่สุดในไตรมาสนี้และชะลอลงใน H2/61 บวกกับเงินบาทที่อ่อนค่า เป็นบวกกับทั้ง 3 ธุรกิจของ EPG ที่เริ่มฟื้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสก่อน โดยปีนี้ EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) จะดีขึ้นเพราะการแข่งตัดราคาลดลง Aeroflex (ฉนวนยาง) จะได้แรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐาน และ Aeroklas (ชิ้นส่วนรถยนต์) จะมีการออกสินค้าใหม่เพิ่ม พร้อมคาดกำไรปี ปี 61/62 (เม.ย.61 – มี.ค.62) ที่ 1,251 ล้านบาท +26% Y-Y และคาด +17% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2563 ที่ 1,460 ลบ.
  • ARROW (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 12 บาท แม้คาดช่วง Q2/61 คาดกำไรหดตัว QoQ หลังงานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินถูกเลื่อนส่งมอบไปในเดือนก.ย. แต่คาดกำไรจะฟื้นตัว QoQ ในช่วง Q3/61 หลังทยอยส่งมอบท่อร้อยสายไฟมากขึ้นหนุนให้ปี 61 คงคาดกำไรโต 3.9%YoY ตาม Backlog ในมือที่มีอยู่ 1,095 ล้านบาท และ Upside 12.2% และคาดให้ Div. Yield 5.1%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ