นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรค้าปลีกในไทยรายหนึ่ง ซึ่งจะร่วมทุนกันพัฒนาโครงการค้าปลีกในประเทศ โดยที่บริษัทมีที่ดิน 2 แปลงริมถนนรัชดาภิเษก แปลงละ 20 ไร่ บริเวณห้างจัสโก้เดิมติดกับบิ๊กซี รัชดาภิเษก และแปลงตรงกันข้ามติดแยกเทียมร่วมมิตรและที่ดินของกลุ่มแหลมทองสหการ ซึ่งทั้ง 2 แปลงนี้บริษัทเช่าไว้เมื่อกว่า 10 ปีก่อน จากบริษัท พรอม พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ระยะเวลาเช่า 30 ปี ซึ่งจะใช้ที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาเป็นโครงการค้าปลีก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการร่วมทุนกับพันธมิตรในช่วงปลายปีนี้
สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น ปัจจุบันบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตร ได้แก่ บริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด พันธมิตรจากญี่ปุ่นที่ร่วมทุน และบมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม , ฮ่องกงแลนด์ ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการแนวราบ และล่าสุดได้ร่วมมือกับ Sekisui จากญี่ปุ่น ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัทด้วย
ด้านแผนการดำเนินธุรกิจ บริษัทคาดว่าแนวโน้มยอดขายในครึ่งแรกปีนี้ จะทำได้อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากที่ยอดขายในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 7.5 พันล้านบาท โดยได้เปิดโครงการใหม่ 5-6 โครงการ มูลค่รวม 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด และสามารถทำยอดขายได้ดี ประกอบกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขายสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนยอดขายเป็น 40% ในครึ่งปีแรก และ 60% ในครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของโครงการหรูระดับราคา 20-100 ล้านบาท/ยูนิต เป็น 2 พันล้านบาท ในปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท ในช่วง 3 ปี เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มบ้านหรูราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไปภายในปี 63 โดยที่มีพันธมิตร คือ ฮ่องกงแลนด์ ช่วยเสริมศักยภาพและผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายได้
ด้านนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ ของ PF กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่อีก 17-18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 14-15 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท ขณะที่ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้ของธุรกิจโรงแรมและการขายที่ดินเปล่าอีก 5 พันล้านบาท
โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ราว 3 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีในปัจจุบันกว่า 5 พันล้านบาท แบ่งเป็น Backlog ของโครงการแนวราบ 2 พันล้านบาท รับรู้ในปี 61 ทั้งหมด และ Backlog ของโครงการคอนโดมิเนียม 3.2 พันล้านบาท รับรู้ในปีนี้ 1 พันล้านบาท ส่วน Backlog ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 62 ทั้งหมด
สำหรับแนวคิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาโครงการสู่การเป็น Smart City ภายใต้แนวคิด "เพอร์เฟค สมาร์ท ซิตี้" โดยมีความร่วมมือกับบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส ผู้นำด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลนั้น จะเป็นการนำเครือข่ายอัจฉริยะ NB-IoT เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาโครงการ ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของวงการที่นำเครือข่ายดังกล่าวมาใช้อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรก โดยเริ่มใช้ในโครงการแนวราบเพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77–สุวรรณภูมิ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมใช้ในโครงการเมโทรลักซ์ พหล-สุทธิสาร, เมโทรลักซ์ รัชดา และ เมโทร สกาย วุฒากาศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายนำเครือข่าย NB-IoT ไปใช้ครบในทุกโครงการของบริษัทภายในปี 62