นายพีรทักษ์ อุตะเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 (ศรชล. 1) สั่งจับเรือสินค้าปล่อยคราบน้ำมันลงทะเลบริเวณ เกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี วันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมานั้น พบว่าเรือดังกล่าวเป็นเรือที่อยู่ในสัญญาจ้างของปตท. ในนามบริษัท Vision Marine โดยเป็นเรือเปล่าที่จะไปรับน้ำมันจาก จ.ระยอง แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดคลื่นลมแรง เพื่อความปลอดภัยจึงจอดพักเรือและเกิดเหตุขึ้น เมื่อปตท. รับทราบเหตุการณ์ได้สั่งระงับการใช้เรือ PSP1 ทันที และแจ้งบริษัทผู้ขนส่งทางเรือทุกราย เน้นย้ำให้ควบคุม ดูแลและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีการกระทำความผิดจริง ปตท. จะสั่งห้ามไม่ให้ผู้ควบคุมเรือลำดังกล่าวนำเรือที่มีอยู่ในสัญญาของปตท. ทั้งหมด และเร่งดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.ก.ประมง 2558 มาตรา 58 (3) และ (4) ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ปตท. จะดำเนินการเรียกชดเชยกับ บริษัท Vision Marine ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ตามสัญญาจ้างกับ ปตท. ต่อไป
"ปตท. ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตามหากเกิดมีผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ปตท.จะลงโทษและดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ปตท.ดำเนินธุรกิจควบคู่ดูแลสังคม ชุมชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู้ค่า และชุมชนอย่างเป็นธรรมตลอดมา"นายพีรทักษ์ กล่าว
สำหรับเรือ PSP1 ดังกล่าวมีนายสุชาติ น้ำหมั่นคง อายุ 63 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ควบคุมเรือ ได้กระทำการปล่อยคราบน้ำมันลงในทะเล ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ประมง 2558 มาตรา 58 (3) ปล่อย เท ทิ้ง ระบาย หรือทำให้สิ่งใดลงสู่ที่จับสัตว์น้ำในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ และ (4) ทำให้ที่จับสัตว์น้ำเกิดมลพิษในลักษณะที่เป็นอันตรายแก่สัตว์น้ำ และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 204 ผู้ใดเท ทิ้งหรือปล่อยให้น้ำมันปิโตรเลียมหรือน้ำมันปนกับน้ำรั่วไหลด้วยประการใดๆ ลงในทะเลภายในน่านน้ำไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ