บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) ที่ระดับ "BBB-" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนประวัติผลงานในอุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทยของบริษัท อันดับเครดิตยังสะท้อนการดำเนินธุรกิจที่เป็นแบบกึ่งครบวงจรของบริษัทตั้งแต่การผสมพันธุ์ไก่และสุกรไปจนถึงการแปรรูปเป็นสินค้าอาหารสำเร็จรูป รวมไปถึงแผนการขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศและการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนของกำไรซึ่งเกิดจากการที่บริษัทพึ่งพาสินค้าที่มีลักษณะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างมาก ตลอดจนราคาที่ผันผวนของวัตถุดิบที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ การก่อหนี้เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุน ความเสี่ยงจากโรคระบาดในสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีศุลกากรและโควต้าของประเทศผู้นำเข้า
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีประวัติผลงานในอุตสาหกรรมผลิตไก่
บริษัทมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมผลิตไก่มาเกือบ 20 ปี จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดไก่ส่งออกของบริษัทในปี 2560 อยู่ที่ 14% และสำหรับตลาดภายในประเทศบริษัทยังเป็นผู้แปรรูปไก่รายใหญ่อันดับที่ 3 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 11% บริษัทเริ่มผสมพันธุ์และเลี้ยงสุกรในปี 2556 จากรายงานของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติระบุว่าในปี 2560 บริษัทเป็นผู้ผลิตสุกรรายใหญ่อันดับที่ 3 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 4% ซึ่งใกล้เคียงกับผู้ผลิตสุกรขนาดกลางแต่ต่ำกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ 2 อันดับแรกค่อนข้างมากที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด 15%-25%
ดำเนินธุรกิจแบบกึ่งครบวงจร (Vertically-integrated) บริษัทเป็นผู้ผลิตไก่และสุกรแบบกึ่งครบวงจรจากต้นน้ำถึงผลิตภัณฑ์ขั้นต้นของปลายน้ำ กล่าวคือ บริษัทผลิตอาหารสัตว์ ผสมพันธุ์ไก่พ่อแม่พันธุ์ ฟักไข่ เลี้ยงไก่และสุกร รวมถึงนำไก่เข้าโรงเชือดของตนเอง บริษัทเลี้ยงไก่และสุกรภายใต้ระบบการเกษตรแบบพันธสัญญาโดยเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ ปู่ย่าพันธุ์ และทวดพันธุ์ในฟาร์มของตนเองซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ชลบุรี และสระแก้ว ในขณะที่ผู้ผลิตไก่และสุกรรายใหญ่กว่าในปัจจุบันดำเนินธุรกิจครบวงจรเต็มรูปแบบ (Fully Vertically-integrated) แล้ว ส่วนธุรกิจของบริษัทนั้นยังไม่ได้ดำเนินการเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนจะขยายโรงงานแปรรูปสุกรเพื่อให้ธุรกิจสุกรของบริษัทเข้าสู่การเป็นธุรกิจครบวงจรเต็มรูปแบบในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
เข้าสู่ตลาดส่งออกและขยายสัดส่วนกลุ่มสินค้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่ม
บริษัทกำลังมุ่งสู่การขยายตลาดให้ครอบคลุมทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ในปี 2560 บริษัทส่งออกเนื้อไก่ชำแหละแช่แข็งจำนวน 37,078 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 13% ของรายได้รวมในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2559 เมื่อเปรียบเทียบแล้วในปี 2560 รายได้จากการขายสินค้าในประเทศยังคงเป็นสัดส่วนหลักอยู่ที่ประมาณ 87% ของรายได้รวมของบริษัท โรงงานแปรรูปไก่แห่งใหม่ของบริษัทเริ่มเปิดดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายน 2561นี้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ยอดสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60,000 ตันต่อปี บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากสินค้าส่งออกให้มีสัดส่วนถึง 25% ของรายได้รวมในปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังขยายสัดส่วนกลุ่มสินค้าไปยังอาหารปรุงสุกที่มีอัตรากำไรสูงกว่าอีกด้วย โดยรวมแล้วการขยายตัวดังกล่าวของบริษัทนั้นมีเป้าหมายเพื่อที่จะรักษาการเติบโตของยอดขายและเพิ่มอัตรากำไรเป็นสำคัญ
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานยังคงผันผวน
ในปี 2560 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 10.3% ตามราคาเนื้อไก่ชำแหละส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมากเหลือ 0.99% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 เนื่องจากราคาเนื้อไก่ชำแหละปรับตัวลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ในขณะเดียวกับที่ราคาสุกรและเนื้อสุกรชำแหละก็ปรับตัวลดลง 9% เช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 8%-9% ในปี 2561-2563 จากแนวโน้มราคาไก่ในประเทศที่ยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง
ภาระหนี้อยู่ในระดับสูงแต่เงินสดส่วนเกินสำหรับรองรับการชำระหนี้ยังคงเพียงพอ
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทสูงขึ้นเป็น 62.1% ตามความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มสูงขึ้น ในระหว่างปี 2561-2563 แผนงบลงทุนที่บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งยังคงต้องการแหล่งเงินทุนระยะยาว ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่บริษัทวางแผนไว้นั้นจะครอบคลุมสำหรับการขยายกำลังการผลิตโรงงานอาหารสัตว์ การขยายฟาร์มใหม่ การขยายโรงเชือดไก่ และการลงทุนที่ต่อเนื่องสำหรับโรงงานแปรรูปอาหาร คาดว่า อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาทต่อปี บริษัทวางแผนจะลงทุนโดยการก่อหนี้ใหม่ ดังนั้น จึงคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทในปี 2561 อยู่ที่ระดับ 26.5% สูงขึ้นจาก 22.2% ในปี 2560 จากราคาขายเนื้อไก่ชำแหละที่สูงขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวลดลงเป็น 20.7% ตามราคาสัตว์บกในประเทศที่ปรับตัวลดลง อนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะคงอยู่ที่ระดับ 13%-16% อนึ่ง บริษัทมีสภาพคล่องสำหรับรองรับการชำระหนี้อยู่ในระดับที่รับได้พร้อมเงินสดในมืออยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจไก่และสุกรในประเทศไทยได้ต่อไป นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะรักษาสภาพคล่องและวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอสำหรับรองรับการดำเนินงานในช่วงขาลงของอุตสาหกรรมอย่างเช่นในปัจจุบัน และสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 60% ในช่วงที่บริษัทมีการขยายการลงทุนด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากกำไรของบริษัทมีความผันผวนน้อยลงอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งมีความสำเร็จในการขยายไปยังธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินและระดับความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงก็เป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน