นายหาญศิริ แสงวงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) คาดว่ารายได้ปี 61 จะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ที่ระดับ 1,585.60 ล้านบาท จากมีการขยายไลน์การผลิตแผ่นไม้ MDF เฟส 2 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2.6 แสนลูกบาศก์เมตร/ปี เป็น 5 แสนลูกบาศก์เมตร/ปี และจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับกว่า 30%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตราว 70% ของกำลังการผลิตที่เพิ่มมาในช่วงไตรมาสที่ 3/61 และคาดว่าจะรับรู้ 100% ได้ภายในปี 62 ซึ่งมองว่าความต้องการในตลาดโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายกาญศิริ กล่าววา การขยายกำลังการผลิตแผ่นไม้ MDF เฟส 2 อยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ได้กลางไตรมาส 3/61 สนับสนุนกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 240,000 ลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และลดการสูญเสียออเดอร์จากลูกค้าที่บริษัทจำเป็นต้องปฎิเสธไปก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยบวกจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ไม้ชนิดอื่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนในการ R&D ไม่มาก เนื่องจากเป็นการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาไลน์การผลิตร่วมกับคู่ค้า โดยใช้ห้องแล็ปตรวจสอบคุณภาพที่มีอยู่แล้ว
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจโดยเน้นการส่งออกสินค้าที่ผลิตได้เป็นหลัก ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าส่งออกต่างประเทศมากถึง 97% ทั้งในตลาดเอเชียและตะวันออกกลาง ส่วนลูกค้าในไทยมีสัดส่วนราว 3% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
อย่างไรก็ดี บริษัทยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทก็ได้ใช้เครื่องมีทางการเงินต่าง ๆ เพื่อบริหารความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
นายหาญศิริ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อย โดย SKN ถือหุ้นสัดส่วน 100% เพื่อดำเนินโครงการโรงผลิตกาว ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาสูตรกาวต่างๆ จำหน่ายให้แก่บริษัทฯ และจำหน่ายให้บุคคลภายนอก ประเมินมูลค่าลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้และเงินทุนหมุนเวียน ระยะเวลาโครงการประมาณ 1.5-2 ปี เชื่อว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจให้แข็งแกร่งระยะยาว ซึ่งจะจดทะเบียนบริษัทภายในเดือน มิ.ย.และจัดตั้งโรงงานแล้วเสร็จภายในปี 63
"ปัจจุบัน SKN เป็นผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติประเภท MDF รายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีการเติบโตทั้งในแง่ของยอดขายและกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น เราเชื่อว่าหลังแผนการขยายไลน์การผลิตใหม่แล้วเสร็จ จะสนับสนุนให้ SKN มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 100% เป็นโอกาสในการสร้างยอดขายและกำไรที่ดี พร้อมทั้ง จัดตั้งโครงการโรงผลิตกาว ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของบริษัทฯ ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบรับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น" นายหาญศิริ กล่าว