หุ้น NFC ปิดที่ 10.30 บาท หลังกลับเข้ามาเทรดวันแรกในรอบ 15 ปี จากราคาเปิดที่ 17.70 บาท ปรับตัวขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 17.90 บาท และต่ำสุดที่ 9.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,069.82 ล้านบาท
นายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นเอฟซี (NFC) กล่าวว่า บริษัทนำหุ้นกลับเข้าเทรดภายหลังถูกห้ามการซื้อขายมาถึง 15 ปี ด้วยสถานะการเงินที่มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก โดยบริษัทมีแผนลงทุนโครงการปรับปรุงคลังสินค้าที่มีอยู่ปัจจุบันให้มีมาตรฐานเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าและขยายฐานลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 62 มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมลงทุนพัฒนาคลังสินค้าเหลวเพิ่มเติมบนพื้นที่ 500 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการทั้งด้านเทคนิคและการค้า รวมถึงการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อพัฒนาคลังสินค้าเหลวจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คาดว่าจะสรุปผลและเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติโครงการได้ในไตรมาส 4/61
ทั้งนี้ NFC คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ทั้ง 2 โครงการ ไม่ต่ำกว่า 2 หลัก โดยการลงทุนดังกล่าวบริษัทฯจะใช้ทั้งเงินสดและการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมีอประมาณ 300-400 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำที่ระดับ 0.21 เท่า ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องของการะดมทุนและจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ
ในช่วง 5 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย และคาดว่าภายในปี 65 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์จะขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์อยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับปัจจุบันรายได้หลักมาจากการจำหน่ายเคมีภัณฑ์กว่า 90%