นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายสาขาบริการรถโดยสารขนาดใหญ่เพื่อการท่องเที่ยว นอกเหนือจากที่ให้บริการรับ-ส่งพนักงานให้กับบริษัทและโรงงานอุตสาหกรรมในโซนภาคตะวันออกที่สร้างรายได้หลัก รวมถึงการให้บริการรถรับส่งลูกค้าในเส้นทางระยะสั้นๆ ให้กับโครงการต่าง ๆ
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัททดลองเดินรถรับส่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมาระยะหนึ่ง ทำให้บริษัทเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจนี้อีกมาก ขณะนี้บริษัทได้ศึกษาธุรกิจท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ และศึกษาเส้นทางเดินรถระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเติบโตของอตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นๆ ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่มาของรายได้ และเป็นโอกาสในการขยายฐานรายได้ของบริษัท
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดเตรียมรถบัสให้บริการนักท่องเที่ยวอีก 10 คันด้วยงบลงทุนราว 32 ล้านบาท เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/61 หลังจากที่บริษัทได้ทดลองบริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวให้กับพันธมิตร 3 รายด้วยรถบัสจำนวน 10 คันเส้นทางกรุงเทพฯ- พัทยาและกรุงเทพฯ-ระยองในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด
นอกจากนี้ บริษัทยังเจรจากับ บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) เพื่อเสนอบริการรับส่งนักท่องเที่ยวเส้นทางกรุงเทพฯ-เกาะสมุย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน ก.ค.61 เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนเพิ่มรถบัสใหม่จำนวน 4 คัน มูลค่าการลงทุนราวคันละ 6 ล้านบาท
"รถให้บริการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งด้านที่เราคิดว่าน่าจะเติบโตขึ้นมาเป็นรายได้หลัก เพราะโอกาสยังมีอีกมาก โดยเฉพาะจากโครงการ EEC ที่ภาครัฐตั้งใจจะสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกด้วยจากการขยายสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรามีความชำนาญ รวมไปถึงพื้นที่อื่นนอกเหนือจากภาคตะวันออก...ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบางรายที่เราเคยให้บริการก็ใช้รถคราวละเป็น 100 คัน"นายปิยะ กล่าว
สำหรับบริการหลักที่ให้บริการรถรับ-ส่งพนักงานหรือลูกค้าให้กับบริษัทต่าง ๆ นั้น ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการเพิ่มสัดส่วนการให้บริการกับฐานลูกค้าเดิมและการขยายลูกค้าใหม่ โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมให้บริการลูกค้าใหม่ 2 ราย คือ เมกาบางนา ในเดือน ก.ค.ด้วยรถจำนวน 6 คัน และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ในเดือน ส.ค.จำนวนรถ 10 คัน
ขณะที่บริษัทมีลูกค้ารายใหม่ขอใช้บริการและเข้าเยี่ยมชมกิจการอีกราว 10 รายทั้งผู้ประกอบการที่มีขนาดใหญ่มาก ขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยมาตรฐานความปลอดภัย การบริหารจัดการที่ดี การพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการดำเนินงานด้านการควบคุมการเดินรถ จะส่งผลให้ลูกค้าไว้วางใจใช้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทให้บริการประจำกับลูกค้าจำนวน 33 ราย จำนวนรถ 334 คัน แบ่งเป็นรถบัส 186 คัน มินิบัส 18 คัน รถตู้ 40 คัน และรถร่วมให้บริการอีก 90 คัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเซ็นสัญญาให้บริการลูกค้าใหม่ 2 ราย และเพิ่มจำนวนรถให้บริการลูกค้าเก่า 2 ราย รวมจำนวนรถ 13 คัน มูลค่าสัญญาประมาณ 75 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 66
นายปิยะ กล่าวว่า ผลประกอบการในครั้งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ดี ทำให้เชื่อว่ารายได้ในปีนี้มีโอกาสเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 20% และอัตรากำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบายการประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้บริษัทมีรถที่ปลอดหนี้และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นปีนี้อีก 35 คัน และจากปัจจุบันมีทั้งหมด 17 คัน ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้ผลกำไรได้อย่างเต็มที่มากขึ้น