โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/61 และคาดว่าจะอยู่ในระดับ 35% ต่อเนื่องในไตรมาส 2/61 จากแผนการเน้นเพิ่มกำไร และปรับลดค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขยายโครงการแนวราบที่สามารถสร้างรายได้กลับมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินงาน ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ QH ในปีนี้
ส่วนแนวโน้มยอดขายและยอดโอนในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก จากการที่มีโครงการเปิดใหม่ 5 โครงการ มากกว่าไตรมาสแรกที่เปิดโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ โดยโครงการเปิดใหม่จะเน้นโครงการบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มบ้านแนวราบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ราคาหุ้น QH ปิดตลาดอยู่ที่ 3.08 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 1.91% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 2.39%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 4.50 เอเซีย พลัส ซื้อ 4.30 กรุงศรี ซื้อ 4.20 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 4.20 ธนชาต ซื้อ 4.10 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ซื้อ 4.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 3.85 นายกิตติสร พฤติภัทร ผู้อำนวยการผ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.กรุงศรี กล่าวว่า แนวโน้มกำไรของ QH ในปี 61 คาดว่าจะทำได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 3.5 พันล้านบาท ทำให้ปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันล้านบาท หลังจากที่ไตรมาส 1/61 มียอดโอนที่สูงมาก และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเป็นสถิติสูงสุดใหม่ราว 34% จากการที่หันมาเน้นการเพิ่มกำไร และการขายโครงการแนวราบที่สามารถสร้างรายได้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งคาดว่าแนวโน้มกำไรที่สูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลังจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม คิว สุขุมวิท ซึ่งเป็นโครงการที่ให้มาร์จิ้นดี หนุนกำไรในปีนี้ อย่างไรก็ตามยอดขายในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่สูงกว่าไตรมาส 1/61 เพราะหากเทียบกับงวดปีก่อนจะเห็นว่าในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/61 (เม.ย.-พ.ค.) แทบไม่มีการเปิดโครงการใหม่ แต่จะไปกระจุกตัวในช่วงเดือนมิ.ย. ซึ่งจะทำให้ยอดขายเดือนมิ.ย.สูงขึ้น และบางส่วนจะไปสนับสนุนยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมองว่าครึ่งปีหลังของปีนี้ยอดขายจะสูงกว่าครึ่งปีแรกด้วย โดยที่ QH มีแผนการเปิดอีก 8 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6.4 พันล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นักวิเคราะห์บล.ไทยพาณิชย์ คาดว่าแนวโน้มรายได้ของ QH ในไตรมาส 2/61 จะมากกว่าไตรมาส 1/61 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/61 มีโครงการแนวราบที่สร้างเสร็จก่อนขายที่เปิดใหม่ที่มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากไตรมาส 1/61 ที่ 4.6 พันล้านบาท โดยในไตรมาสแรกมีโครงการเปิดใหม่มูลค่าเพียง 2 พันล้านบาท อีกทั้ง ยังได้ปรับประมาณการกำไรปี้นี้ของ QH เพิ่มขึ้นจาก 3.9 พันล้านบาท เป็น 4.1 พันล้านบาท หลังจากที่ไตรมาส 1/61 มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34.3% หลัง QH หันมาเพิ่มการทำกำไรให้มากกว่ารายได้ อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อ QH ที่หันมาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก ด้านนักวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า QH สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงต่อเนื่องที่ระดับ 35% ในไตรมาส 2/61 ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นมาจากการปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาจจะปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 3.56 พันล้านบาท หลังจากประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ออกมาแล้ว ขณะที่ด้านยอดขายและยอดโอนในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก จากการเปิดโครงการแนวราบใหม่ 5 โครงการในไตรมาส 2/61 ขณะที่ช่วงไตรมาสแรก QH เปิดโครงการใหม่ไปเพียง 2 โครงการ จากแผนการเปิด 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โดยที่แผนงานการเปิดโครงการของ QH จะเน้นโครงการบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มบ้านแนวราบที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น