นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในตลาดต่างจังหวัดของบริษัท สามารถสร้างยอดขายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัดได้แล้วถึง 7,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 40% จากยอดขายรวมในช่วงครึ่งแรกปีนี้ที่ทำได้แล้วกว่า 20,000 ล้านบาท ความสำเร็จมาจากการปิดการขายโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในหัวหิน พัทยา และหาดใหญ่ ซึ่งเป็นจังหวัดหัวเมืองหลักทางภาคใต้
"บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการทยอยเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและสร้างยอดขายสูงในระยะเวลาที่รวดเร็ว ทั้งในทำเล หัวหิน ซึ่งนับว่าบริษัทครองความเป็นเจ้าตลาดในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตากอากาศมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทสามารถสร้างยอดขายโครงการ "ลา กาซิตา" (La Casita) จำนวน 705 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,300 ล้านบาท ได้ถึง 90% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนที่เปิดการขาย ความสำเร็จมาจากจุดขายในการเป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่สไตล์สแปนิช ที่มีแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสเปน พร้อมพื้นที่ส่วนกลางถึง 4,000 ตร.ม. บนทำเลที่ดินที่ดีที่สุดใจกลางเมืองหัวหิน ตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การค้าบลูพอร์ต โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน และร้านอาหารชั้นนำมากมาย"นายภูมิศักดิ์ กล่าว
นายภูมิศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม "เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา" (EDGE Central Pattaya) จำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,350 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่นับว่าเป็นไข่แดงของพัทยา บนถนนพัทยาสาย 2 ในโซนพัทยากลาง ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาพักมากที่สุดในพัทยา รวมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและแหล่งช็อปปิ้งมากมาย ซึ่งหลังจากเปิดพรีเซลล์ ในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีความต้องการคอนโดมิเนียมในพัทยาทั้งเพื่อพักผ่อนหรือปล่อยเช่า จนล่าสุดมียอดขายไปแล้วถึง 95 % และเตรียมปิดการขายเร็วๆ นี้
ส่วนการเปิดขายโครงการ "ดีคอนโด หาดใหญ่" ภายใต้แนวคิด จังหวะชีวิตใหม่ ๆ จำนวน 461 ยูนิต มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท ที่ชูจุดขายโครงการใหม่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใหม่ในเมืองหาดใหญ่ รองรับสถานีโมโนเรลหรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว สถานีขนส่งหาดใหญ่ (เซ็นทรัล) ที่เตรียมเปิดใช้ในปี 65 ตามแผนพัฒนาเมืองหาดใหญ่ ขณะนี้มียอดขายไปแล้วถึง 50%
ล่าสุดบริษัทได้ปลุกกระแสแบรนด์ เดอะ เบส ต่อยอดหลังประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 13 โครงการ จำนวน 9,440 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE โดยจะเผยโฉม THE BASE New Series ในแบบที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ โครงการแรก เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต จำนวน 590 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,660 ล้านบาท เปิดจองโครงการในวันที่ 23 – 24 มิ.ย. นี้ ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท จากแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE จำนวน 5 โครงการ 5 ทำเล ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ในปี 61 ได้แก่ เดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส สะพานใหม่, เดอะ เบส รัชดา-ท่าพระ, เดอะ เบส สาทร-เจริญราษฎร์ และ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต
สำหรับโครงการ เดอะ เบส เซ็นทรัล-ภูเก็ต โดดเด่นด้วยการตั้งอยู่บนที่สุดของทำเลใจกลางเมืองภูเก็ต เพียง 1 นาทีจากเซ็นทรัลภูเก็ตใหม่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนก.ย.นี้ นับว่าเป็นที่ดินทำเลทองที่หายากในภูเก็ตที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) นอกจากนี้โครงการฯ ยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ารางเบาที่จะเปิดให้บริการในปี 63 ตามแผนส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวนานาชาติ โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 4 ไร่ เป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร มีจำนวน 590 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 24.75- 53.75 ตารางเมตร, ห้องขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 46.25 - 52.50 ตารางเมตร, และห้องขนาด 2 ห้องนอน และ 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 62 - 62.75 ตารางเมตร
"บริษัทคาดว่า เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต จะนับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาดต่างจังหวัดในปีนี้ จากความต้องการซิตี้คอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมืองภูเก็ต ซึ่งยังคงมีความต้องการสูงในกลุ่มคนทำงานทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าโครงการซึ่งคาดว่าจะอยู่ในอัตรา 6.5% ต่อปี และอัตราการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากในขณะนี้ นอกจากนี้จากจุดเด่นของโครงการในด้านการตั้งอยู่ในที่สุดของทำเลในเมืองภูเก็ตและการตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ จึงคาดว่าโครงการจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับโครงการที่ผ่านมาอย่างแน่นอน"นายภูมิภักดิ์ กล่าว