บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’ แก่โครงการหุ้นกู้ Medium-Term Note (MTN) ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) (BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/AA+(tha)) โดยโครงการหุ้นกู้ดังกล่าวจะมีจำนวนวงเงินต้น ณ ขณะใดขณะหนึ่งไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท (revolving) ในช่วงระหว่าง 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้คือเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของธนาคาร
โครงการหุ้นกู้ดังกล่าวนี้จะทดแทนโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิระยะสั้นเดิมของธนาคารมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 29 มิถุนายน 2561 อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้นี้จะใช้กับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ออกภายใต้โครงการเท่านั้น ทั้งนี้ไม่ได้มีการรับรองว่าหุ้นกู้ชุดอื่นที่จะออกภายใต้โครงการหุ้นกู้ดังกล่าวจะได้รับการจัดอันดับเครดิต
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ MTN ดังกล่าวของ SCB อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของธนาคารที่ ‘AA+(tha)’ และ ‘F1+(tha)’ ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ในการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจธนาคารครบวงจร (universal bank) ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านลูกค้ารายย่อย อัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเผชิญกับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอจนถึงปี 2560 และส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์กลุ่มเดียวกันในต่างประเทศ (global peers) แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าแรงกดดันดังกล่าวน่าจะเริ่มทยอยปรับตัวลดลงในช่วงปี 2561 เนื่องจากแนวโน้มของสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งธนาคารได้เพิ่มความเข้มงวดในเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ฟิทช์ยังคาดว่า SCB น่าจะยังคงสามารถรักษาระดับรายได้ อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง และทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าวกันน่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ MTN จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ SCB
การปรับตัวแย่ลงอย่างต่อเนื่องและมากกว่าระดับที่ฟิทช์คาดการณ์ในด้านคุณภาพสินทรัพย์หรือความสามารถในการทำกำไร (ทั้งนี้รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ปัจจัยทั้ง 2 ปรับตัวลดลงอย่างมากได้ในอนาคต) พร้อมกับการที่ธนาคารไม่สามารถรักษาความสามารถในการรองรับความเสี่ยงไว้ในระดับที่เพียงพอ ในด้าน ระดับของสำรองหนี้สูญและฐานะเงินกองทุน อาจส่งผลให้ธนาคารถูกปรับลดอันดับเครดิต