DOD ปิดเทรดวันแรกที่ 14.70 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 58.06%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 20, 2018 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น DOD ปิดเทรดวันแรกที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 5.40 บาท (+58.06%) จากราคาขาย IPO ที่ 9.30 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,897.89 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.60 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 14.70 บาท และราคาลงต่ำสุด 9.85 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2561 ของบมจ. ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ได้ที่ 11.90 บาท ด้วยวิธี Relative Approach อิง PER ที่ 21.1 เท่า คิดเป็น PEG ที่ 0.86 เท่า เห็นสมควรให้ Discount 25% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มหุ้นใกล้เคียงที่ทำการศึกษา (MEGA, BEAUTY, KAMART) ซึ่งถูก Justified ด้วย 1) รายได้เปราะบางกว่าเนื่องจากรายได้หลักยังมาจากการรับจ้างผลิต 2) การกระจายความเสี่ยงของรายได้ที่ต่ำ (ลูกค้า 5 รายแรกมีสัดส่วนเกิน 50% ของรายได้) และ 3) ROE ที่คาดจะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มจากเงินสดที่สูง

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 2561-2563 จะเติบโตสูง 19.2% CAGR โดยคาดจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 2561 เป็น 230 ล้านบาท (+62% YoY) หลัก ๆ จากการที่ลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยงามเพิ่มคำสั่งซื้อ ในขณะที่ระยะกลาง-ยาว มีปัจจัยขับเคลื่อนจาก 1) การสร้างโรงสกัดแห่งที่ 2 จะทำให้สามารถเพิ่มรายได้จากการรับจ้างสกัดสารจากลูกค้าภายนอกและลดต้นทุนในการผลิตลง 2) คาดสัดส่วนรายได้สินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นจาก 1% ในปี 2560 เป็น 10% ในปี 2563 จากการรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น อาทิ สมุนไพรตรีผลา 3) ได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดจากการทยอยใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ไว้ที่ระดับ 61% ได้ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น และ 4) โอกาสในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจากความได้เปรียบด้านทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ทำให้สินค้าเป็นที่ไว้วางใจของต่างประเทศ อาทิ จีนและกลุ่ม CLMV เป็นอย่างดี

DOD ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ให้ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์และบริษัท Trading Company ทั่วไปในประเทศ โดย DOD เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ ผลิต ออกแบบตลอดจนให้บริการจดทะเบียนกับอย. และให้คำปรึกษาด้านการตลาด DOD อยู่ในธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตชัดเจนในฐานะต้นน้ำของอุตสาหกรรมอีกทั้งยังมีความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับสูง GPM 60% และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) 37% ในปี 2560 และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มผู้รับจ้างผลิตราว 23%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ