นายจีระวัฒน์ เหมะธุลิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโครงการแนวราบ บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด ในเครือบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า ในปี 61 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 4 พันล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการบริทาเนีย เมกะทาวน์-บางนา มูลค่าโครงการประมาณ 1.9 พันล้านบาท ระดับราคา 2.9-5 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 100-140 ตร.ม. โดดเด่นด้วยทาวน์เฮ้าส์หน้ากว้าง 5.3-5.7 เมตร บนทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
2.โครงการบริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการประมาณ 1 พันล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 4.7-6 ล้านบาท ตั้งอยู่บน ถ.สุขาภิบาล 6 (บางนาตราด-วัดบางพลีใหญ่ใน) ทำเลใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้า บนเนื้อที่กว่า 32 ไร่ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 3 แบบ ได้แก่ Oxford Regent และ Brompton มีครัวไทยทุกยูนิต พื้นที่ใช้สอย 120-150 ตร.ม. และ 3.โครงการบริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ มูลค่าโครงการ 1.1 พันล้านบาท เป็นบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ระดับราคา 2.9-4.3 ล้านบาท
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทยอยเปิดตัวทั้ง 3 โครงการใหม่ตั้งแต่เดือนก.ย.61 เป็นต้นไป โดยบริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ เริ่มเปิดขายในเดือนก.ย.61, บริทาเนีย เมกะทาวน์-บางนา เริ่มเปิดขายในเดือนต.ค.61 และ บริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ จะเปิดขายในเดือนธ.ค.61
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลการสำรวจ พบว่า ในช่วงไตรมาส 1/61 มีโครงการแนวราบเปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด 8,762 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 7% ขณะเดียวกัน โครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดจะได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้น เช่น ทำเลกรุงเทพฯตะวันออก และทำเลระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งหมดสะท้อนถึงโอกาสที่ดีของตลาดในปีนี้
ออริจิ้น เฮ้าส์ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์บริทาเนีย (Britania) เกาะทำเลที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก หรือ Blue Ocean แต่มีความต้องการการอยู่อาศัยจริง (Real Demand) และมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่โซนกรุงเทพฯตะวันออก และโซน EEC ภายในช่วง 5 ปี (พ.ศ.61-65) บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่เจาะตลาดใน 3 เซ็กเมนท์ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี 65 บริษัทจะเริ่มต้นมีรายได้ทะลุปีละ 1 หมื่นล้านบาทได้เป็นปีแรก และตั้งเป้าจะขึ้นเป็น Top 3 ในใจผู้บริโภคเมื่อนึกถึงโครงการบ้านแนวราบ
"เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมาย บริษัทจึงได้ดึงมือทองการพัฒนาโครงการแนวราบอีก 2 ท่านเข้ามาช่วยเสริมทัพ ได้แก่ นายจีระวัฒน์ เหมะธุลิน เข้ามาช่วยดูแลด้านธุรกิจ และนายนาวิน เล็กนาวา เข้ามาช่วยดูแลด้านการก่อสร้าง"นางศุภลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ออริจิ้น เฮ้าส์ เป็นบริษัทพัฒนาโครงการแนวราบในเครือ ORI เริ่มต้นพัฒนาโครงการแรกในปี 60 ภายใต้ชื่อ บริทาเนีย ศรีนครินทร์ สามารถสร้างยอดขายไปได้แล้วถึง 85% ขณะที่วางแผนแบ่งแบรนด์ย่อยในการพัฒนาออกเป็น 3 แบรนด์ ได้แก่ 1.บริทาเนีย เรสซิเดนซ์ (Britania Residence) บ้านเดี่ยวในระดับราคา 10-20 ล้านบาท 2.บริทาเนีย โฮม (Britania Home) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในราคา 5-10 ล้านบาท 3.บริทาเนีย ทาวน์ (Britania Townhome) ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ราคา 3-5 ล้านบาท
นางศุภลักษณ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากโครงการแนวราบในปีนี้ที่ 1.5 พันล้านบาท จากเป้าหมายรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านบาท โดยบ่งเป็นรายได้จากการโอนโครงการบริทาเนีย ศรีนครินทร์ ที่ขายไปแล้ว 85% เริ่มทยอยโอนในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เข้ามา 800 ล้านบาท และรายได้อีก 700 ล้านบาทจะมาจากการโอนโครงการใหม่ที่เปิดปีนี้
แผนการพัฒนาโครงการแนวราบของบริษัทจะเน้นไปที่ทำเลกรุงเทพฯตะวันออกและ EEC เป็นหลัก ซึ่งเป็นทำเลที่บริษัทมีความชำนาญในการพัฒนา ประกอบมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้นมากทั้งปัจจุบันและในอนาคต ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมีความสะดวกสบาย ส่งผลให้มีประชาชนหันมาซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบในโซนกรุงเทพฯตะวันออกเพิ่มขึ้น
บริษัทยังมองไปถึงการพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ๆ เช่ โซนวงแหวนกาญจนา ซึ่งมีทำเลศักยภาพ ได้แก่ พระราม 2 และบางบัวทอง เป็นทำเลที่มีความน่าสนใจเข้าไปพัฒนาในช่วงแผน 5 ปีนี้ เนื่องจากมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของทั้ง 2 ทำเลค่อนข้างมาก และราคาที่ดินยังสมเหตุสมผล ซึ่งบริษัทมีแผนจะขยายการพัฒนาโครงการแนวราบในระดับราคา 2-3 ล้านบาทเพิ่มเติม ภายใต้แบรนด์ใหม่เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้ครบทุกกลุ่ม และปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์"บริทาเนีย เรสซิเดนซ์" ระดับราคา 10-20 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในปี 62
ในปี 65 บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องมีจำนวนโครงการมากกว่า 10-20 โครงการ ขณะที่รายได้ของโครงการแนวราบตั้งเป้าไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36-38% ของเป้าหมายรายได้รวมของ ORI ที่ 2.75 หมื่นล้านบาทในปี 65