บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) ร่วมมือกับ บริษัท เจ เวนเจอร์ จำกัด (JVC) เพื่อเข้ามาพัฒนาโซลูชั่นระบบการชำระเงิน "Payment Gateway Solution" ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของระบบ JFIN Decentrailized Digital Platform (JFUN DDLP) ให้แก่ JVC ช่วยเพิ่มความสำเร็จและลดระยะเวลาในการพัฒนาระบบดังกล่าว โดยคาดว่าระบบชำระเงินจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มใช้งานได้ในเดือน ต.ค. 61
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ MFEC เปิดเผยว่า การร่วมมือกับ JVC ในครั้งนี้ถือเป็น Synergy Partner ที่ลงตัวอย่างมาก เนื่องจาก MFEC มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์การชำระเงินอยู่แล้ว และทาง JVC ก็ต้องการหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่มีศักยภาพเข้ามาพัฒนาโซลูชันระบบ Payment ของแพลตฟอร์มที่ทางกลุ่มเจมาร์ทกำลังสร้างขึ้น เพื่อประกอบร่างกันอย่างสมบูรณ์แบบ และช่วยให้พัฒนาระบบทั้งหมดเสร็จเร็วขึ้น
นอกจากนั้นระบบ Payment นี้ยังเอาไปใช้ใน eCommerce แพลตฟอร์มอื่นในกลุ่มเจมาร์ทได้อีกด้วย เท่ากับเป็นการขยายศักยภาพของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งทั้งสองฝ่าย สนองต่อนโยบายภาครัฐที่กำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ (Cashless Society)
"นี่เป็นแค่ก้าวแรก ยังมีโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ ร่วมกันได้อีก เนื่องจากกลุ่ม MFEC มีบริษัทในเครืออยู่ 14 บริษัท ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาและพัฒนาระบบเครือข่าย งานเทคโนโลยีสารสนเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดในประเทศ"นายศิริวัฒน์ กล่าว
แผนการดำเนินงานหลังจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการเข้าไปลงทุนทั้งในลักษณะของการเข้าไปถือหุ้นและร่วมมือกันทางธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับ MFEC โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทอีกกว่า 10 รายในธุรกิจที่มีการดำเนินงานเกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค และ DATA เพราะเชื่อว่าในอนาคตการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่จะมาจากการผลักดันของ DATA ส่งผลทำให้บริษัทสามารถอยู่รอด และมีการเติบโตในอนาคตได้
"ในระยะสั้น เราคงไม่ได้โฟกัสที่กำไร หรือขาดทุน มากกว่าการลงทุน ซึ่งในอนาคตก็อาจจะได้เห็นบริษัทลูกของ MFEC เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจที่เราสนใจ คือ โซเชียลเน็ตเวิร์ค และ ดาต้า"นายศิริวัฒน์ กล่าว
ด้านนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือกับ MFEC ในครั้งนี้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดย MFEC เป็นผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูง ด้าน Payment Gateway Solution ซึ่งหลังจากที่ JVC ระดมทุนผ่าน JFIN Coin ซึ่งเป็น Digital Token ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (Initial Coin Offering : ICO) โดยการออกเหรียญที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล JFIN Coin ครั้งแรกจำนวน 100 ล้านโทเคนดิจิทัล จากทั้งหมดจำนวนดิจิทัลโทเคนทั้งหมด 300 ล้านโทเคนดิจิทัล
ทั้งนี้ ทีมงานได้เริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ JFIN Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) หรือระบบปล่อยกู้รายย่อยแบบดิจิทัลไม่มีตัวกลาง ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่การทำธุรกิจในมิติใหม่ของกลุ่มบมจ.เจมาร์ท (JMART) ที่ปัจจุบันเป็น Holding Company มีบริษัทลูกในเครือหลากหลายบริษัท ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation ของกลุ่มบริษัทอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตามแผนคาดว่า จะสามารถพัฒนา Digital Lending Platform (DLP) ภายในเดือน ต.ค.61 เพื่อนำออกให้บริการ และพัฒนาต่อเนื่องเป็น Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ให้แล้วเสร็จในเดือน ต.ค.62 ซึ่งการบันทึกข้อตกลงร่วมกับ MFEC ที่มีความเชี่ยวชาญในระบบ Payment Gateway Solution จะช่วยเพิ่มความสำเร็จ และลดระยะเวลาการพัฒนาระบบ JFIN Decentralized Digital Lending Platform (JFIN DDLP) ได้เป็นอย่างดี
"การร่วมมือกันครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการต่อจิ๊กซอว์ตัวสำคัญอีกชิ้นหนึ่งให้ JFIN DDLP มีความแข็งแกร่งในเรื่องของระบบชำระเงินที่สมบูรณ์แบบ รวดเร็ว ปลอดภัย นับเป็นช่องทางการชำระเงินผ่าน eCommerce ที่มีประสิทธิภาพ และถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกรรมต่างๆ เสริมแผนการพัฒนาระบบ JFIN DDLP ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ MFEC มีบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยี จึงมองว่ามีโอกาสเข้ามาเสริมทัพตามแผนโรดแมปที่วางไว้ได้อีกในอนาคต" นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับ MFEC บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุน หรือเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท พระอินทร์ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ MFEC โดยเบื้องต้นจะเข้าซื้อหุ้นไม่เกิน 25% คาดว่าจะสามารถสรุปวงเงินในการเข้าซื้อได้ในเดือน ส.ค.นี้
ส่วนแผนการเสนอขายเหรียญ ICO อีก 200 ล้านโทเคนดิจิทัลที่เหลือนั้น บริษัทคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 62 ตามแผนที่วางไว้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) หรือระบบปล่อยกู้รายย่อยแบบดิจิทัลไม่มีตัวกลาง โดยในวันนี้ บริษัทจะเข้าหารือกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อทำความเข้าใจในกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล และดำเนินธุรกิจให้ถูกต้อง
ขณะเดียวกันบริษัทก็เตรียมเข้าร่วมใน Live Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถเข้าระดมทุนได้ภายในปีนี้ และภายใน 2-3 ปีจากนี้บริษัทมีเป้าหมายจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป