นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว จากช่วงไตรมาส 2/61 ที่คาดว่าจะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทยังมีภาระลงทุนค่อนข้างมากเพื่อรองรับงานใหม่ที่จะเข้ามา ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อยังไม่มากนัก
แต่หลังจากนี้คาดว่าผลงานจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะค่ายรถยนต์ต่าง ๆ กำลังเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาด เชื่อว่าจะส่งผลให้มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าในกลุ่มยานยนต์เข้ามาจำนวนมาก ประกอบกับ บริษัทเตรียมปรับราคาขายสินค้าเพื่อให้สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้นราว 16%
ส่วนผลประกอบการทั้งปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 8% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีแผนจะผลิตงานชิ้นส่วนยานยนต์ และทำโรงพ่นสีสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยการวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์สิยค้าหลายรายการจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นนั้น ปัจจุบันสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น และมีสัญญาณที่ดีจากเดิม ดังนั้น น่าจะทำให้ปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าเริ่มทยอยกลับมา ส่วนบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวมีแนวโน้มว่ายอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่
ด้านทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นนั้น ปีนี้บริษัทฯยังคงมั่นใจว่าจะรักษาให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 15% ได้ แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/61 จะลดลงไปอยู่ที่เพียง 13.48% แต่จะได้รับผลดีจากการปรับขึ้นราคาขายสินค้า นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้ดีขึ้นด้วย
นายวิวรรธน์ กล่าวถึงธุรกิจในประเทศจีนว่า ตามที่บริษัทมีแผนจะเช่าโรงงานใหม่เพิ่มเติมอีก 1 แห่ง โดยมีมูลค่าเงินลงทุนสำหรับการสั่งซื้อเครื่องจักรและการปรับปรุงโรงงานมูลค่าประมาณกว่า 150 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณ มณฑลเจียงซู คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ประมาณไตรมาส 1/62 เป็นไปตามแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม การเช่าโรงงานแห่งที่ 2 ในจีนจะเป็นการเสริมสร้างรากฐานและความแข็งแกร่งสำหรับการเติบโตให้แก่ ธุรกิจของ PJW ในจีนมากขึ้น และการจัดตั้งบริษัทย่อย ณ มณฑลเจียงซูนั้นได้ดำเนินการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว และบริษัทฯคาดว่าในปี 62 จะรับรู้ยอดขายใหม่มูลค่าประมาณ 60 ล้านหยวน หรือคิดเป็นประมาณ 300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1 เท่าตัวจากที่ประเมินว่าจะทำได้ในปี 61 โดยมีสัญญาการขายกับลูกค้าเป็นระยะเวลา 7 ปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาระบบออโตเมชั่นมาใช้ในการควบคุมขบวนการผลิตมากขึ้น โดยจะนำมาใช้ในโรงงานในเมืองจีนเพื่อลดต้นทุนด้านแรงงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณภาพในกระบวนการผลิตมากขึ้น ซึ่งระบบการควบคุมการผลิตอัตโนมัติจะมีความแม่นยำถูกต้อง และสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างดี