นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) บริษัทจะใช้เงินกู้ระยะสั้น วงเงิน 1.42 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทจะใช้เงินกู้กับสถาบันการเงินในประเทศหลายแห่งด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงไปกว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาด โดยยืนยันว่าไม่ได้มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงถึง 8-9 พันล้านบาทอย่างที่การประเมินกัน แต่ยอมรับว่าภายในปลายปีนี้จะมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากปัจจุบัน D/E ที่ 0.3 เท่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นบริษัทมีแผนการจัดหาเงินจำนวน 1.42 แสนล้านบาทเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น โดยมาจากการออกหุ้นกู้ หรือเครื่องมือทางการเงินอื่นประมาณ 6.85 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ของวงเงินรวม และจากการเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 52% ซึ่งจะทำให้ D/E ลงเหลือต่ำกว่า 1 เท่า และฐานะการเงินของบริษัทกลับมาแข็งแกร่ง
ปัจจุบัน GPSC มีภาระต้นทุนการเงินประมาณ 3% จากมีหนี้รวม 2.1 หมื่นล้านบาท และมีกระแสเงินสด 5 พันล้านบาท ส่วนทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ GLOW มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจำหน่ายราคา (EBITDA) มากกว่า GPSC ถึง 3 เท่า โดย GPSC มี EBITDA เฉลี่ยปีละ 4-5 พันล้านบาท
นางวนิดา กล่าวว่า หลังจากดีลการซื้อกิจการเสร็จสิ้นในเดือน ต.ค.นี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรของ GLOW ในไตรมาส 4/61 และในปี 62 จะรับรู้รายได้เต็มปี จะทำให้ปีหน้า GPSC จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งนี้ บริษัทจะมีการปรับประมาณการแผนธุรกิจในช่วง 5 ปี
นางวนิดา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีการจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในเดือน ส.ค. นี้ เพื่อขออนุมัติการเข้าซื้อกิจการ GLOW และขอวงเงินออกหุ้นกู้ ภายหลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้ว บริษัทจะเข้าซื้อหุ้น GLOW ในสัดส่วน 69% จากกลุ่ม Engie Global Development B.V.ในเดือน ต.ค.นี้ ด้วยเงินกู้ระยะสั้น และในเดือน ต.ค.-พ.ย. จะทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือ 31% และหลังจากนั้นในไตรมาส 1/62 จะจัดประชุมวิสาม้ญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2 เพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุน และจะดำเนินการเพิ่มทุน
ทั้งนี้ ราคาซื้อ GLOW ที่ 96.50 บาท/หุ้น นางวนิดา กล่าวว่า เป็นราคาที่ใช้วิธี Discouted Cash Flow (DCF) เป็นหลัก ส่วนที่มีความเห็นว่าเข้าซื้อแพงถึง 3 เท่านั้นเป็นการนำราคา Book Value มาคำนวณ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ได้สะท้อนการทำกำไร
ด้านนายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า การข้าซื้อกิจการ GLOW ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของ GPSC เพิ่มขึ้นจาก 1,940 เมกะวัตต์ (MW) เป็นกว่า 4,835 MW ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากที่อยู่อันดับที่ 6 และที่สำคัญ GLOW มีโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และกำลังผลิตไอน้ำที่เป็นจุดแข็งของ GLOW ทำให้บริษัทสามารถ Synergy กันได้ดี ทำให้มีการผลิตไฟฟ้า SPP ที่มั่นคงรองรับความต้องการไฟฟ้าของกลุ่มอุตสาหกรรมในฝั่งตะวันออกที่มีแนวโน้มการเติบโต ทั้งนี้จะมีการตั้งทีมในการดูแลเรื่อง Synergy คาดว่าการรวมตัวกันได้ดีใช้เวลาประมา 3-5 ปี
"ก่อนที่เราจะเข้าไปซื้อเราได้ดูละเอียด รอบคอบ ผลประกอบการ เห็นว่าโรงไฟฟ้าของ GLOW มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เรามีสินค้าดีๆรองรับกับอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ...สิ่งที่เราได้จากดีลนี้ 1+1 ได้มากกว่า 2 เราได้ประโยช์ด้วยกัน "นายเติมชัย กล่าว
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า GLOW มีทั้งเก่าและใหม่ เฉลี่ยแล้วมีอายุเกิน 10 ปี