นายรูว์ ไฮซ์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจรายย่อยของธนาคารในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมายังมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตได้เป็นอย่างดีในระดับตัวเลข 2 หลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 1/61 ที่เติบโตสูงกว่าเป้าหมาย คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อบ้านที่ดีอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้การเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 16-17%
ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาชะลอตัว ขณะที่บัตรเครดิตยังมีการเติบโตได้เล็กน้อย ซึ่งธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตนี้ ธนาคารจะไม่เน้นการขยายฐานลูกค้ามากนัก แต่จะหันมาเน้นลูกค้าเดิมที่ใช้อยู่แล้วมากขึ้น เพราะการแข่งขันของตลาดที่รุนแรง และภาระหนี้สินของประชาชนที่อยู่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารไม่รุกกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน โดยในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารจะพยายามผลักดันการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย 17% ซึ่งมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิม
ส่วนธุรกิจนายหน้าขายประกัน และนายหน้าซื้อขายกองทุนรวมนั้น ยังคงมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าขายประกันที่มีลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายกองทุนรวมในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตที่ดี แต่ในเดือนมิ.ย.นี้มีการชะลอตัว เนื่องจากภาวะของตลาดที่เกิดความผันผวน และดัชนีปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก จากปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้า ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงนี้ แต่มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังการขายกองทุนรวมจะกลับมาดีขึ้นได้
ทั้งนี้ ธนาคารยังไม่มีแผนการเพิ่มกองทุนรวมรวมจากพันธมิตรที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จากปัจจุบันที่ธนาคารขายกองทุนรวมจาก 8 บลจ. แต่จะเน้นไปที่การเพิ่มการบริการในด้านการวิเคราะห์และการจัดพอร์ตของลูกค้า ผ่านช่องทาง TMB Touch ที่เรียกว่า Auto Smart Portfolio ซึ่งจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงไตรมาส 3/61 ซึ่งมองว่าเป็นการบริการที่ลูกค้าได้ประโยชน์ และดีกว่าการที่นำสินค้าจำนวนมากเสนอขายให้กับลูกค้า โดยธนาคารยังมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้จากการเป็นนายหน้าขายประกันและนายหน้าซื้อขายกองทุนในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายมากกว่า 10%
นอกจากนี้ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าจำนวนการทำธุรกรรมผ่านทุกช่องทางของธนาคารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 17% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่เติบโต 11% โดยมองว่ามาจากการของลุกค้าในกลุ่มเงินฝากที่ธนาคารรุกขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยที่ปัจจุบันธนาคารมีกลุ่มลูกค้าบัญชีเงินฝากทั้งหมดที่ Active หรือมีการทำธุรกรรมผ่านทุกช่องทางเฉลี่ย 5 ครั้ง/เดือน อยู่ที่ 1.5 ล้านคน จากจำนวนฐานลูกค้าบัญชีเงินฦากทั้งหมด 6 ล้านคน โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีการใช้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคารเฉลี่ย 2 ผลิตภัณฑ์/ราย
สำหรับแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของกลุ่มธุรกิจรายย่อยของธนาคารนั้น ยังคงอยู่ในระดับปกติ และยังไม่มีความกังวลในช่วงนี้