ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายพลิกกลับมาร่วงลงกว่า 10 จุด หลังจากดีดตัวขึ้นเมื่อช่วงเช้า ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ออกมาอย่างหนัก นำโดยหุ้น SCB และ KBANK ประกอบกับมีแรงขายกระจายในกลุ่มปิโตรเคมี ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์กดดันบรรยากาศการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งผันผวน โดยนักลงทุนยังคงติดตามความเคลื่อนไหวด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯและคู่ค้าที่ดูเหมือนทวีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อเวลา 15.34 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,624.43 จุด ลดลง 10.55 จุด (-0.65%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.55 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,627.33 จุด ลดลง 7.65 จุด (-0.47%)
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้พลิกกลับมาปรับตัวลดลงกว่า 10 จุด คาดว่ามาจากปัจจัยภายนอกที่มาจากฝั่งสหรัฐฯเป็นปัจจัยกดดันหลัก จากที่เมื่อเช้านี้มีข่าวออกมาว่าสหรัฐฯจะห้ามบริษัทของจีนเข้ามาลงทุนด้านสินค้าไฮเทคในสหรัฐฯ และมีการทวีตข้อความจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปเพิ่มอีก ทำให้เกิดความกังวลขึ้นจากปัจจัยภายนอก ซึ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว และปรับตัวลดลงตามกัน ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดมาล่าสุดปรับตัวลดลง 1%
โดยคาดว่าปัจจัยจากสหรัฐฯเกี่ยวกับการกีดกันทางการค้า ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุนเกิดขึ้น โดยที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะเห็นได้ว่าช่วงเช้าดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้มาก ทำให้ในช่วงบ่ายมีแรงขายออกมา ส่งผลกดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้ที่พลิกกลับมาแดนลบ