น.ส.รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาลี กรุ๊ป (MALEE) เปิดตัวบริษัทย่อยใหม่ คือ บริษัท มาลี แอพพลายด์ ไซเอ็นซ์ จำกัด (เอ็มเอเอส) ประกอบธุรกิจวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ผสานความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของไทยอย่างยั่งยืน โดยประเดิมส่งผลิตภัณฑ์"วินติโค" (Vintico) ซึ่งเป็นน้ำส้มสายชูหมักจากน้ำมะพร้าว 100% วางตลาดเพื่อเจาะตลาดสุขภาพ
นายศุภเกียรติ คำบุทอง กรรมการผู้จัดการ เอ็มเอเอส เปิดเผยว่า เอ็มเอเอสจะเป็นอาวุธลับด้านวิจัยและพัฒนาของมาลี กรุ๊ป โดยมีพันธกิจสำคัญ 4 คลัสเตอร์ คือ 1) Cluster H (Health & Life-Science Products) เพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์จากความก้าวหน้าด้านชีววิทยาศาสตร์ เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น 2) Cluster E (Environment & Energy) เพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่มีของเหลือทิ้ง (0% waste) เสริมความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
3) Cluster V (Visionary Sciences & Advanced Materials) คิดค้นพัฒนาวัสดุอัจฉริยะหรือวัสดุที่มีน้ำหนักเบาจากวัตถุดิบทางการเกษตร เพื่อเป็นวัสดุทางเลือก และ 4) Cluster I (Internet of Thing & Service หรือ IoT) เพื่อสื่อสารและเชื่อมโยงอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ในชีวิตประจำวันจากทั่วโลก ให้สามารถควบคุมและนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยได้อย่างอัจฉริยะ
"นับจากนี้จะเห็นว่า มาลี กรุ๊ป มีทิศทางในการขยายกิจการไปในกลุ่มธุรกิจอื่น นอกเหนือจากการผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋อง รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมขั้นสูงต่าง ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโดยเอ็มเอเอส จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย นอกจากการเปิดตัว "วินติโค" แล้ว มาลี กรุ๊ป จะพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อเนื่องไปอย่างแน่นอน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก"น.ส. รุ่งฉัตร กล่าว
น.ส.รุ่งฉัตร กล่าวว่า บริษัทเตรียมส่งผลิตภัณฑ์ วินติโค น้ำส้มสายชูหมักจากน้ำมะพร้าวแท้ 100% ไปจำหน่ายในต่างประเทศในช่วงปลายไตรมาส 3/61 โดยจะเจาะกลุ่มประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, ยุโรป และกลุ่มประเทศในอาเซียน รวมถึงเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น โดย MALEE คาดว่าจะสามารถบันทึกรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้ามาได้ในไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้มากนัก แต่จะต้องทำให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประมาณ 30 ล้านบาทต่อปีให้ได้ก่อน ปัจจุบัน เอ็มเอเอสมีกำลังการผลิตน้ำสมสายชู วินติโค อยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 ขวดต่อปี
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษางานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพิ่มอีก เช่น ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม เครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาส 4/61 เป็นต้นไปโดยบริษัทฯ มีนโยบายออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 3 รายการต่อปี
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของ MALEE ในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้นตัวดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนจำนวนมาก ทำให้การรับรู้รายได้ในครึ่งปีแรกทำได้ไม่เต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้หลังรับรู้รายได้จากการลงทุนช่วงก่อนหน้านี้ ที่คาดจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ภาพรวมทั้งปี ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดเป้าหมายยอดขาย จากเดิมคาดเติบโต 30% เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งคาดจะสรุปได้ในช่วงการประกาศงบไตรมาส 2/61
"เรายังอยู่ในช่วงพิจารณาปรับลดยอดขายในปีนี้ ซึ่งจะสรุปและประกาศหลังสิ้นสุดงบไตรมาส 2/61 โดยยอดขายที่ลดลงน่าจะเป็นผลมาจากการที่เรามีการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องค่อนข้างมาก และยังไม่ได้ส่งผลในครึ่งปีแรก แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ในครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ส่วนปัจจัยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมา ก็ไม่ได้ส่งผลเชิงบวกมากนัก เนื่องจากมาลีมีการส่งออกและนำเข้าเท่า ๆ กัน"น.ส.รุ่งฉัตร กล่าว