นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ในเครือบมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ในครึ่งหลังของปี 61 ตั้งเป้ายอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 25 โครงการ หลังจากครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้ว 19 โครงการ และทำยอดขายได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าทั้งปีนี้ยอดขายทาวน์เฮ้าส์จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับโครงการทาวน์เฮาส์ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังมีทั้งทำเลในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด แบ่งเป็นไตรมาส 3/61 เปิด 10 โครงการ และไตรมาส 4/61 เปิด 15 โครงการ โดยจะกระจายตัวใน 4 แบรนด์ ได้แก่ PATIO, Pruksa Ville, The Connect by Pruksa และ บ้านพฤกษา เจาะกลุ่มทุกระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท ซึ่งเขื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยที่ทั้งปี 61 บริษัทวางแผนเปิดโครงการทาวน์เฮาส์รวม 44 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.78 หมื่นล้านบาท
นายธีรเดช กล่าวว่า สัดส่วนยอดขายของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์คิดเป็น 45% ของเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทในปีนี้ที่ 5.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยผลักดันการขยายตัวให้กับภาพรวมของบริษัท โดยภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลปีนี้ยังมีแนวโน้มที่เติบโตเพิ่มขึ้นและมีความต้องการซื้อทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางบริษัทคาดว่าทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมูลค่าตลาดในปี 61 ที่ 8.87 หมื่นล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ของบริษัทมีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) เป็นอันดับ 1 ที่ 22-23% และจะยังคงรักษาระดับ Market Share ให้อยู่ระดับดังกล่าวในปีนี้ การตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดทาวน์เฮาส์มามากกว่า 10 ปี และส่งมอบบ้านคุณภาพให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 130,000 ยูนิต
บริษัทได้ตั้งเป้ารักษาความเป็นเจ้าตลาดต่อไป โดยมีแผนเจาะกลุ่มไปยังทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 5-7 ล้านมากขึ้น แต่ยังคงรุกตลาดระดับกลาง ราคา 1.5-2 และ 2-3 ล้านบาทที่เป็นผู้นำตลาดในระดับราคานี้อยู่แล้ว และจะพัฒนาตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขต EEC ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ 6 หมื่นล้านบาท
สำหรับการขยายการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ไปในต่างจังหวัดนั้นตั้งเป้าจะขยายไปให้ครบ 20 จังหวัดภายในปี 63 จากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ไปแล้วใน 6 จังหวัด ได้แก่ อยุธยา ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และเชียงใหม่ โดยที่มองการพัฒนาไปยังจังหวัดที่สนใจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เชียงราย พิษณุโลก ข่อนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี สระบุรี นครปฐม สุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช และจันทบุรี เป็นต้น
นายธีรเดช กล่าวว่า การขยายการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ไปในต่างจังหวัดบริษัทตั้งเป้ายอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มเฉลี่ย 10-15% ต่อปี โดยที่ยอดขายจากต่างจังหวัดของโครงการทาวน์เฮาส์ในปีนี้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ กลยุทธ์การพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ของบริษัทจะเน้นไปที่การพัฒนาโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขาย (Ready to Move) เป็นส่วนใหญ่ เพื่อทำให้การรับรู้รายได้มีความแน่นอน และสร้างรายได้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อให้ไม่เพิ่มขึ้นได้ เพราะธนาคารมีความมั่นใจในตัวของลูกค้าที่ยื่นกู้มากขึ้น ซึ่งการที่หันมาพัฒนาโครงการ Ready to Move มองว่าเป็นการที่ลดปัญหาในด้านการสร้างภาระหนี้ของลูกค้าเพิ่มขึ้นหากมีการโอนที่ใช้ระยะเวลาที่นาน
ปัจจุบันลูกค้าที่ซื้อโครงการทาวน์เฮาส์ของบริษัทมีการโอนภายใน 2 สัปดาห์ ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้เข้ามาเร็วขึ้นและธนาคารเชื่อมั่นในการอนุมัติเงินกู้ให้กับลูกค้า ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการทาวน์เฮาส์ของบริษัทในปัจจุบันทรงตัวอยู่ที่ 16-17% ขณะที่ยอดโอนของโครงการทาวน์เฮาส์ในปีนี้มั่นใจทำได้ตามเป้า 2.3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายยอดโอนรวม 5.05 หมื่นล้านบาท โดยยอดโอนของโครงการทาวน์เฮาส์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.2 หมื่นล้านบาท
ด้านการซื้อที่ดินใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ในปี 62 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 8 พันล้านบาท จากงบซื้อที่ดินรวม 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าซื้อที่ดินทั้งหมด 39 แปลง ปัจจุบันซื้อไปแล้วเกินครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย ส่วนที่ดินที่จะพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ได้มีรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว