ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ BCP วงเงินไม่เกิน 5 พันลบ.ที่ระดับ "A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2018 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (BCP) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้เพื่อหมุนเวียนในกิจการและขยายธุรกิจของบริษัท

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทที่มีพื้นฐานมั่นคง ตลอดจนความได้เปรียบจากการบูรณาการธุรกิจการตลาดเข้ากับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากแผนการเติบโตของบริษัทซึ่งอาจเพิ่มภาระหนี้ให้แก่บริษัทได้

แม้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 แต่บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 44,226 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายที่ลดลง โดยปริมาณจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปผ่านธุรกิจการตลาดลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 1,514 ล้านลิตร เนื่องจากความต้องการน้ำมันจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง

ในขณะเดียวกันส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบดูไบกับต้นทุนน้ำมันดิบของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่น (Gross Refinery Margin -- GRM) ของบริษัท สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 ค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ของบริษัทลดลงเหลือ 6.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 7.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 ดังนั้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงเหลือ 7.1% สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 บริษัทมีเงินกู้รวม 40,519 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีโครงสร้างเงินทุนเป็นที่น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 46.3% อัตราส่วนนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงการลงทุนของบริษัท โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง 50%-55% ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการตลาดของบริษัทเอาไว้ได้ ในขณะที่การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจะสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจกลั่นน้ำมันและธุรกิจการตลาดลงได้บางส่วน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่มีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดได้อย่างมากและสม่ำเสมอจากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายโดยที่ไม่ทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นจากการที่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจากการลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้เป็นหลัก หรือการที่บริษัทประสบผลขาดทุนอย่างมากจากการดำเนินงานหรือจากการลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ