นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) คาดว่าจะยื่นแบบเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำหุ้นบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงเดือนพ.ย.61 และสามารถเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เข้าตลาดหุ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/62
ทั้งนี้ ปตท.เตรียมที่จะโอนทรัพย์สินให้กับ PTTOR ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยทรัพย์สินที่จะโอนนั้นมีมูลค่าลดลงเล็กน้อยเหลือกว่า 1 แสนล้านบาทต้นๆ จากเป้าหมายเดิมที่ราว 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากมีทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงบางส่วนที่จะเก็บไว้กับ ปตท.ไม่ได้โอนไปด้วย เช่น คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และคลังน้ำมันที่ศรีราชา ,เขาบ่อยา ,บ้านโรงโป๊ะ เป็นต้น ซึ่งการปรับลดมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ปตท.ได้ปรับลดมูลค่าการลงทุนในปีนี้ลงเหลือราว 2.21 แสนล้านบาท จากเดิมที่ 2.47 แสนล้านบาท
การนำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นก็จะทำให้มีความคล่องตัวในการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ โดยการขยายงานในประเทศก็จะยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีด้วย เพราะการขยายงานของ ปตท.โดยเฉพาะในสถานีบริการจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดเอสเอ็มอีใหม่ๆ เกิดขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดการขยายวงกว้างมากขึ้น
นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า การรับโอนทรัพย์สินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกจากปตท.นั้น ปตท.ใส่เงินเพิ่มทุนใน PTTOR และให้เงินกู้ยืมบางส่วนแก่ PTTOR เพื่อมานำเงินมาใช้ซื้อทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งกระบวนการจะแล้วเสร็จทั้งหมดในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดย PTTOR ก็จะมี 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีก โดยธุรกิจค้าปลีกเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ไม่ว่าธุรกิจน้ำมันจะมีวัฏจักรขึ้นลงอย่างไร ธุรกิจค้าปลีกก็จะกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำมันที่จะผันผวนตามทิศทางราคาน้ำมัน ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกก็จะมีโอกาสเติบโตได้ดีและมีมาร์จิ้นสูง