นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า จากกรณีหน่วยงานภาครัฐออกมากวาดล้างผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำผิดกฎหมายนั้น หลังจากส่งผลกระทบต่อยอดขายอุตสาหกรรมโดยรวมในระยะสั้นๆ เนื่องจากผู้บริโภคกังวลและระวังในการซื้อสินค้าสกินแคร์และอาหารเสริม แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และกรณีดังกล่าวถือเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรม ทำให้ผู้บริโภคพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำงานผลิตสินค้าได้มาตรฐานจริงๆ ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นทันทีอย่าง "ไลฟ์สตาร์" ที่เน้นสินค้าคุณภาพสูงได้มาตรฐานสากลทำให้มีความน่าเชื่อถือตอนนี้ก็มียอดขายเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สำหรับแนวโน้มงบไตรมาส 2/61 จะมีความโดดเด่น เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้เป็นไปตามแผน เนื่องด้วยมีการต่อยอดระหว่างธุรกิจในเครือได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะบริหารจัดการเวลาโฆษณาทั้งสื่อทีวีและวิทยุจากลูกค้าภายนอกที่ซื้อสื่อและการวางโฆษณาของผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ทำให้เกิดผลของการใช้สื่ออย่างเต็มประสิทธิภาพ และกำไรของทั้งกลุ่มเติบโตสูงกว่าเดิมมาก อีกทั้งหลังจากรุกเดินหน้าจับมือแล็บชั้นนำระดับโลก ได้แก่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, สเปน, ญี่ปุ่น เพื่อร่วมค้นคว้าวิจัยและพัฒนาสุดยอดนวัตกรรมใหม่ ๆ นำมาผลิตสินค้าคุณภาพสูงและการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล สามารถตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 61 ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง เพราะย่างเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ จึงเตรียมยกทัพสินค้านวัตกรรมคุณภาพที่ผลิตได้มาตรฐานกว่า 20 รายการเข้าสู่ตลาดเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และกลุ่มสินค้าออร์แกนิคเพื่อสุขภาพ, กลุ่มผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์, กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม รวมไปถึงกลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจ็ต (Electronic & Gadget) หลังจากที่ช่วงครึ่งแรกปี 61 ประสบความสำเร็จมีผลตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด มียอดขายพุ่งกระฉูดทุกแบรนด์ อันเป็นผลมาจากบริษัท มุ่งเน้นคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพมาผลิตสินค้า ขณะเดียวกันควบคุมการผลิตสินค้าทุกขั้นตอนให้ได้มาตรฐานระดับสากล รวมทั้งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำและทดสอบสินค้าจริงก่อนจำหน่าย
นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มโปรดักต์ไลน์มากขึ้น รวมทั้งขยายช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์จะเปิด Official Page บนแพลตฟอร์มผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ LAZADA, Shopee, LINE ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซของตัวเอง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนเตรียมแผนขยายเข้าสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น Specialty Store และ Drug Store เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้นำสินค้ากลุ่มสกินแคร์และแฮร์แคร์เข้าไปทำตลาดนี้มาแล้วเกือบปีพบว่ามีอัตราเติบโตดีตามเป้า
อย่างไรก็ดี นับจากนี้จะได้เห็นภาพ อาร์เอส ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit) เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าและบริการได้ทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้บริษัท มีจุดแข็งเป็นเจ้าของ "สื่อ" และระบบ "Call Center" ที่วางรากฐานไว้แข็งแกร่งแล้ว ทำให้มีข้อได้เปรียบด้าน Big Data รู้ว่าลูกค้าคือใคร พฤติกรรมการซื้อเป็นอย่างไร สามารถนำเสนอสินค้า-บริการได้ตรงความต้องการของลูกค้า ยิ่งถ้าลูกค้าซื้อสินค้าของบริษัท และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และแบรนด์ เมื่อบริษัทแนะนำสินค้าใหม่ ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้า และเร็วๆนี้ พร้อมจะเปิดตัวขายสินค้าและบริการใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้มั่นใจว่าจะทำให้ ผลประกอบการของ ทั้งกลุ่ม RS ในปีนี้ ทำกำไร All time high นับแต่ก่อตั้งบริษัทมา