นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด อยู่ระหว่างเตรียมแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และคาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในไตรมาส 2/62 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจ Sport Entertainment
ปัจจุบัน บุรีรัมย์ฯ มีทุนจดทะเบียนราว 200 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มทุนจดทะเบียนประมาณ 100 ล้านบาท โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการเตรียมความพร้อมกระจายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
นายเนวิน กล่าวว่า สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ฯ หรือฉายาที่รู้จักกันในนาม "ปราสาทสายฟ้า" ก่อตั้งมาเป็นปีที่ 9 คว้าแชมป์มาแล้ว 15 แชมป์ในทุกรายการที่ลงแข่งขัน ปัจจุบันในแมทช์ที่เป็นเจ้าบ้านจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันเฉลี่ยแมทช์ละ 1.2-1.3 หมื่นคนต่อฤดูกาลแข่งขัน ขณะที่ทุกวันมีผู้เข้าเยี่ยมชมสนามทีมเหย้า คือ สนามธันเดอร์คาสเซิลสเตเดียม ที่ได้รับมาตรฐาน FIFA ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยเปิดให้ชมฟรีวันละประมาณ 1 หมื่นคน
รายได้หลักของบริษัทมาจากการจำหน่ายเสื้อฟุตบอลและของที่ระลึก โดยในปี 60 บริษัทมีรายได้ดังกล่าวราว 400 ล้านบาท จากรายได้รวม 900 ล้านบาท โดยมีร้านจำหน่ายเสื้อและของที่ระลึกทั่วประเทศ รวมถึงมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศด้วย เพราะแฟนคลับของทีมมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ส่วนอีก 200 ล้านบาทเป็นรายได้จากสปอนเซอร์ ที่เหลือมาจากค่าผ่านประตูเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล รายได้จากจากการจัดอีเว้นท์ต่าง ๆ และค่าเช่าสนามเพื่อทำกิจกรรม เป็นต้น
บุรีรัมย์ฯ เป็นสโมสรที่ไม่ได้พึ่งพารายได้จากการสนับสนุน (Subsidize) ด้านการเงินจากหน่วยงานใด และไม่มีภาระหนี้ ขณะที่ในปีนี้บุรีรัมย์ฯ จะพลิกกลับมามีกำไร หลังจากในปีก่อนประสบปัญหาขาดทุน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงโครงสร้างบริษัทและระบบบัญชี รวมถึงได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยต้นทุนหลักของบุรีรัมย์ฯ คือค่านักเตะ และต้นทุนขาย
ขณะที่สินทรัพย์สำคัญที่สุด คือ นักเตะ ซึ่งในทีมมีนักเตะทั้งไทยและต่างประเทศที่มีชื่อเสียง ซึ่งยอมรับว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai มีความล่าช้า เนื่องจากมีปัญหาในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์และค่าเสื่อมในรูปแบบสินทรัพย์ลักษณะนี้ที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้สอบบัญชี โดยขณะนี้มีข้อสรุปในการบันทึกบัญชีแล้ว ส่วนสนามแข่งขันทีมเหย้านั้นเป็นการเช่าใช้พื้นที่
นายเนวิน กล่าวว่า บริษัทต้องการขยายบทบาทของการเป็นสโมสรฟุตบอลไปสู่การเป็น Sport Entertianment และขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่าง ๆ โดยอาศัยประโยชน์จากแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ให้เป็น Sport City เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว จากเดิมที่เคยเป็นเพียงเมืองทางผ่าน และสนามแข่งขันยังตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสนามแข่งรถ"ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต"ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก นอกจากนั้นรอบสนามแข่งขันยังมีพื้นที่ที่สามารถใช้พัฒนาโครงการต่าง ๆ ได้อีกมาก
เบื้องต้นบริษัทมีแผนจะจัดตั้งทีม E Sport ในสังกัดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังจากการแข่งขันเกมคอมพิวเตอร์และเกมออนไลน์ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ซึ่งอาจจะมีการจัดตั้งสนามแข่งขันในบริเวณใกล้เคียงกับสนามฟุตบอล เพื่อจัดอีเว้นท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ E Sport หรืออาจใช้สนามฟุตบอล หรือสนามแข่งรถ ในการจัดการแข่งขัน
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนงานในอนาคตที่จะขยายศูนย์ฝึกนักกีฬาฟุตบอล (Football Acadamy) ไปสู่ระดับอาเซียนและเอเชีย จากปัจจุบันที่มีสโมสรฟุตบอลและทีมฟุตบอลต่าง ๆ ส่งนักเตะและโค้ชมาฝึกอบรมกับทึมโค้ชของบุรีรัมย์ฯ ซึ่งขณะนี้มีทั้งทีมจากไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนส่งนักเตะเข้ามาแล้ว และยังสนใจเปิดศูนย์ฟื้นฟูสภาพร่างกายและพักฟื้นอาการบาดเจ็บภายหลังจากรักษาเบื้องต้นจากทางโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กับนักเตะของทีมอยู่แล้ว
พร้อมกันนี้บริษัทก็จะรุกการทำ Sport Marketing ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากได้เห็นชัดเจนว่าจำนวนผู้ชมในสนามลดลงจากปีที่แล้วเคยอยู่ที่เฉลี่ย 2 หมื่นคนในแต่ละการแข่งขัน ลดลงเหลือแค่ 1.2-1.3 หมื่นคน แต่ไปรับชมทางออนไลน์และโซลเชียลมีเดีย ทำให้บริษัทต้องมองช่องทางที่จะหารายได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพราะแฟนบอลไม่ได้มีจำนวนลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากยอดขายเสื้อและของที่ระลึกที่ยังเพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะใช้โซลเชียล เน็ตเวิร์ก "run" และ "drive" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
"8 ปีที่ผ่านมาเรายึดหลักอันดับแรกจะทำอะไรต้องแปลก ผมเริ่มจากประกาศว่าจะทำให้บุรีรัมย์เป็นมหาอำนาจลูกหนังของประเทศไทย เหมือนแมนยู-ลิเวอร์พูล ตอนนั้นสื่อบอกว่านี่เป็นวาทะนักการเมือง แต่ที่สุดผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ อันดับที่ 2 ต้องทำให้อลังการ สนามของเราใหญ่ที่สุดในอาเซียน อันดับที่ 3 ต้องได้ standard เราก็อยู่บน world standard เป็นสนามฟุตบอลที่ดีที่สุดใหญ่ที่สุดของเอเชียด้วยความจุ 32,600 ที่นั่ง"นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน ยังกล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกจากวงการการเมืองมาแล้ว และไม่คิดจะหวนกลับไปอีก
"ผมออกมาแล้ว ไม่ได้คิดจะกลับไปในวงการการเมือง เพราะผมไม่โง่และไม่เสียสติอีกแล้ว"
นายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจจะขยายธุรกิจเพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอ นอกเหนือจากการเป็นสโมสรฟุตบอล เพราะยอมรับว่าถึงแม้ว่าสโมสรบุรีรัมย์ฯ จะได้รับความนิยมจากแฟนคลับทั่วประเทศรวมไปถึงต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยฟุตบอลยังไม่ใช่วัฒนธรรมเหมือนในต่างประเทศที่มีความนิยมต่อตัวสโมสรอย่างเหนียวแน่น อย่างสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ลิเวอร์พูล ที่แม้ว่าปีใดจะไม่ได้แชมป์ แต่แฟน ๆ ก็ยังให้การสนับสนุนและยังมีผู้ซื้อของที่ระลึกโดยตลอด
สิ่งที่บริษัทมองการเป็นธุรกิจ Sport Entertainment จะเริ่มจากจากตั้งทีม E Sport ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้ได้เริ่มเจรจาหานักกีฬาเข้ามาจัดตั้งทีม และเตรียมจัดทัวร์นาเม้นท์เพื่อแข่งขันหานักกีฬา E Sport ที่มีฝีมือมาร่วมทีมด้วย เขื่อว่าในปีนี้จะเริ่มอีเว้นท์ต่าง ๆ ของทีม E Sport บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ นอกจากนั้นยังมีโครงการอื่น ๆ ที่สนใจจะลงทุนในอนาคตอีก